เกี่ยวกับประวัติ แม่ชีทศพร
แม่ชีทศพรคือใคร ! ??
“หลายคนอาจคิดว่า แม่ชีอุตริ หรืออยากสร้างชื่อเสียง แต่แม่ชีอยากเป็นเทียนเพียงเล่มเดียวที่ส่องสว่างบนเขาสูง หมายถึงในชีวิตทำกรรมมามาก และอยากให้คนเห็นถึงผลแห่งกรรมนั้นแม่ชีอยากให้ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เหมือน ที่แม่ชีมีโอกาส” นั่นคือคำพูดที่เป็นเสมือนการตั้งมั่นเพื่อหนทางธรรมของแม่ชีธนพร
ก่อนที่จะบวช แม่ชีทศพรเคยใช้ชีวิตทางโลกมาแล้ว โดยการประกอบสัมมาอาชีพจนมีฐานะเข้าขั้นคหบดีคนหนึ่ง ชีวิตฆราวาสนั้นได้แต่งงานมีสามีและลูกอีก 5 คน โดยในช่วงหนึ่งได้ประสบกับปัญหาครอบครัวทำให้เกิดความทุกข์อย่างมาก จนแม่ชีต้องหันไปพึ่งศาสนา โดยการหัดสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ เพราะต้องการทำให้จิตใจที่รุ่มร้อนนั้นถูกดับลงด้วยการหันหน้าพึ่งศาสนา
“ในสมัยที่เป็นฆราวาสนั้น แม่ไม่มีที่พึ่ง ก็อาศัยการสวดมนต์เข้าช่วย แต่เราก็สวดผิดหมดเลยเพราะแม่ไม่เคยสมาทานศีล 5 พอเราไม่สมาทานสัมมาวาจา ก็ไม่เกิดกับเสียง ตอน หลังมาทำกรรมฐานมาเข้านิโรธ เราถึงได้รู้ ซึ่งการปฏิบัติของเรานั้นต้องเกิดจากความบริสุทธิ์ใจอย่างเดียว คือ ไม่โกรธ ไม่อิจฉา ไม่อะไรเลยสักอย่าง เราก็จะสามารถเข้าสู่ความสงบได้อย่างแท้จริง”
ในที่สุดแม่ชีทศพร ก็ตัดสินใจบวชที่วัดเขาอิติสุคโต และมีความตั้งใจที่จะบวชเพียงไม่กี่วัน แต่หลังจากได้สัมผัสกับรสพระธรรม ในที่สุดแม่ชีธนพรก็ตัดสินใจปลงผมเพื่อบวชเป็นแม่ชีที่วัดเขาอิติสุคโต โดยมีหลวงพ่อปรีชา เจ้าอาวาสวัดเขาอิติสุคโต เป็นผู้แนะนำให้นั่งสมาธิ ซึ่งในการนั่งวันแรกนั้นแม่ชีสามารถนำจิตรวมลงเป็นหนึ่งเดียวจนเกือบได้จตุ ถฌาณ (ฌาน = จิตตั้งมั่น = สมาธิขั้นสูง)
ต่อมาแม่ชีก็สามารถได้คุณธรรมจากการเป็นผู้ปฏิบัติ จนจิตสงบเป็นสมาธิหนึ่งเดียวสามารถอนุมานจากคุณธรรมที่โดดเด่นคือคุณธรรมใน หมวดของวิชชา 3 ซึ่งแม่ชีได้ 2 ใน 3 หมวดคือ บุพเพนิวาสานุสสติ คือระลึกชาติตัวเองได้ และ 2 จตูปปาตญาณคือตาทิพย์ระลึกชาติคนอื่นได้
สำหรับอานิสงส์สูงสุด คือการพ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด และในระหว่างที่ยังมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องก็ยังจะได้คุณธรรมพิเศษองค์ อื่นๆ เช่น หมวดที่ว่าด้วยอภิญญา 6 หมวดที่ว่าด้วยวิชชา 3 หมวดที่ว่าด้วยวิชชา 8
วัดพิชยญาติการามสอนปฏิบัติธรรม
ในปัจจุบันแม่ชีทศพร ได้จำวัดเพื่อเปิดโอกาสให้กับคนที่กำลังเผชิญความทุกข์ ได้มีโอกาสก้าวพ้นทะเลทุกข์นั้น แม้จะไม่ได้ทั้งหมด แต่แม่ชีเชื่อว่าหากมีใครสักคนคอยชี้แนะแนวทางเพื่อการพ้นทุกข์อย่างถูกต้อง ได้ สังคมก็จะน่าอยู่ขึ้น
แม่ชีทศพรได้ขออนุญาตจากท่านเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เปิดวัดรับพุทธศาสนิกชนที่สนใจศึกษาพระธรรมเข้ามาเรียนรู้การนั่งสมาธิและ ปฏิบัติธรรม ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งในแต่ละอาทิตย์จะมีคนสนใจเข้ามาปฏิบัติธรรมมากถึง 500-1,000 คน ซึ่งคนที่เข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดพิชยญาติการามนี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
“ตอนนี้แม่ไม่รู้ว่าตัวเองได้คุณธรรมข้อไหนแล้ว แต่แม่รู้ว่าแม่รู้ได้ในระดับหนึ่ง คือบางคนสามารถพูดได้แต่บางคนพูดไม่ได้ เพราะยังติดค้างกรรมอยู่ แม่จะบอกให้เขามาใหม่ในวันหลัง ซึ่งการรู้ของแม่นั้นแม่รู้ไปที่เหตุของทุกข์ โดยพระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แม่รู้สมุทัย
(ทุกข์ คือ ตัวปัญหา , สมุทัย คือ ตัวเหตุแห่งทุกข์ จากนั้นเราก็รู้ว่าเมื่อกำจัดเหตุแห่งทุกข์ได้ เราจะเข้าถึงจุดหมายคือนิโรธ แต่ทั้งหมดนี้จะสำเร็จได้ด้วยการลงมือทำในข้อสุดท้ายคือ มรรค เมื่อเราปฏิบัติตาม มรรค เราก็กำจัด สมุทัย แก้เหตุแห่งทุกข์ได้เราก็พ้นทุกข์)”
นอกจากการเข้าไปปฏิบัติธรรมเพื่อหาความสงบทางใจแล้ว แม่ชีทศพรยังสามารถแนะนำลูกศิษย์ให้สามารถฝ่าฟันมรสุมชีวิต ทั้งทางร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน โดยการนำสัจธรรมที่ค้นพบคือ ชีวิตของมนุษย์มีความเกี่ยวพันธ์กับจิตวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทั้ง สิ้น โดยมากมักเป็นจิตวิญญาณของญาติมิตรภายในตระกูลของตน เป็นจิตวิญญาณที่คอยดูแลบุตรหลายด้วยความเป็นห่วง จึงมักจะมาเกาะเกี่ยวกับสังขารร่างกายของญาติมิตร ซึ่งหากดวงวิญญาณนั้นมีกรรมหนัก และมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์ ก็มักจะนำความทุกข์มาให้กับบุตรหลานได้
คนที่ได้มีโอกาสได้ให้แม่ชีทศพรแก้ไขโรคกรรมให้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์ที่มีโอกาสเข้ามาศึกษาพระธรรมในวัดพิชยญาติในช่วงวัน หยุด ส่วนคนภายนอกจะมีเพียงส่วนน้อยซึ่งมีโอกาสได้เข้าพบแม่ชีเป็นการส่วนตัวเท่า นั้น ซึ่งมาจนถึงวันนี้วัดพิชยญาติการาม ยังเป็นวัดหนึ่งที่มีพุทธศาสนิกจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปศึกษาธรรมะ โดยมีแม่ชีทศพรเป็นผู้ฝึกสอน และแนะนำการใช้ชีวิตกับลูกศิษย์ที่ต้องการพ้นทุกข์ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน
“กฎแห่งกรรม” ทำอะไร ได้อย่างนั้น !?
แม่ชีทศพรนั้นมักจะเน้นย้ำให้ลูกศิษย์ได้สนใจและเอาใจใส่ไม่ให้สร้างกรรม ใหม่ขึ้นมาเพื่อลดกรรมที่เราเคยได้ทำมาแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะกรรมที่เราได้ทำกับบิดามารดา โดยได้แบ่งแยกให้เห็นอย่างชัดเจนในหนังสือ “เกิดแต่กรรม” ดังนี้
ลูกเถียงพ่อเถียงแม่
สำหรับผู้ที่ชอบเถียง พ่อจัดว่าเป็นการทำความชั่วที่หนักหนาสาหัส เมื่อลูกผู้นั้นเริ่มเข้าสังคมจะโดนผู้อื่นว่าร้าย ถกเถียงชนิดคำต่อคำ พ่อแม่เคยเจ็บช้ำจากการเถียงของลูกเช่นไร ลูกคนนนั้นก็จะโดนสังคมบีบคั้นเช่นกัน กรรมนี้สามารถพบเห็นในพบชาตินี้แน่นอน ส่วนทางร่างกายนั้น ลูกที่เถียงพ่อแม่ที่มีกรรมหนักมาก จะมีอาการลิ้นสั้นจุกปาก พูดจาไม่ถนัด พูดลิ้นพันกัน ลิ้นแข็ง ฯลฯ
ลูกที่ทำร้ายพ่อแม่
ในศาสนาพุทธนั้นสอน ว่า ลูกที่ทำร้ายพ่อแม่ตายไปแล้วจะไปเกิดในขุมนรก ชื่อตปะนรก มีลักษณะเป็นบัวกลดเผาทำลายอยู่เป็นนิจ มียมบาลคอยเอาค้อนทุบหัวอยู่ร่ำไป แต่ถ้าจะให้เห็นในชาติปัจจุบันแม่ชีทศพรบอกว่า คนที่ทำร้ายพ่อแม่อกุศลกรรมจะทำให้คนผู้นั้นถูกคนรักทำร้าย เช่นอาจจะเป็นสามี ภรรยา บุตร หรือคนที่สนิททำร้ายได้
ลูกที่ใช้ให้พ่อแม่บริการตัวเอง
การที่ลูกๆ ใช้พ่อแม่ให้บริการตัวเอง หรือพ่อแม่เต็มใจบริการลูกๆ เพราะรักลูกมาก เช่นซักผ้า ล้างจาน ทำกับข้าวให้ จะถือว่าเป็นกรรมที่พ่อแม่ทำให้เกิดกับลูกทั้งสิ้น ทำให้เมื่อลูกออกไปใช้ชีวิตในสังคมจะต้องไปเป็นข้าผู้อื่น ถูกคนอื่นเอารัดเอาเปรียบเป็นต้น
การทำแท้ง
การทำแท้งถือเป็นกรรม ในหมวดข้อการเบียดเบียนชีวิตหรือปาณาติบาต ผู้ที่กรรมนี้จะหากินไม่ขึ้นหาความสุขใจในชีวิตนี้ไม่ได้เลย เพราะโดนวิญญาณที่จะมาเกิดเป็นลูกของตัวเองนั้นจองเวรอาฆาต ซึ่งการเกิดการตายของมนุษย์นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณและวิบากกรรมโดยตรง
ผลกรรมอันเกิดจากการทำแท้งมี 2 ข้อคือ 1. กรรมที่ทิ้งลูกตัวเอง 2. กรรมในการฆ่าทำลายชีวิต ซึ่งอกุศลกรรมนี้พระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่ทำแท้งเมื่อสิ้นใจยังต้องตกนรก พ้นจากนรกจึงเกิดมาเป็นเปรต จากนั้นจะเป็นอสุรกาย ตนเมื่อมีบุญพอจะเกิดเป็นคนแต่ต้องถูกพ่อแม่ทอดทิ้งแต่เล็ก หรือโดนพ่อแม่ของตนในชาติต่อไปทำแท้งตัวเองเสีย หรือแท้งลูกโดยอุบัติเหตุ
ส่วนกรรมจากการปาณาติบาตหรือทำลายชีวิตลูกของตัวเองนั้น จะทำให้มีอายุสั้น มีโรคภัยเบียดเบียนมาก หากินไม่ขึ้น และกรรมจากการทำแท้งมักจะก่อผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องการการทำแท้งยังต้องมีอกุศลกรรมติดตัวตามไปด้วยเช่นกัน
• มีหลักในการดูกรรมอย่างไรคะ ?
ดูจากสมาธิค่ะ พอโยมมีศีลพร้อมกัน ที่เชิญมาบวชก่อนดูกรรมเพราะว่าญาติพี่น้องบางคนที่เสียชีวิตไปแล้วเขาไม่ ได้อยู่ในฐานะที่จะได้รับบุญจากการใส่บาตรได้ เขาจะอาศัยกายเรามาวัด ที่แม่ชีจัดการปฏิบัติธรรม เพราะแม่ชีเห็นอย่างนี้ แม่ชีไม่อยากให้เราประมาทกับชีวิต เพราะว่ามีปู่ย่าตายายที่เขาไม่สามารถไปเกิดได้ แล้วอาศัยกายโยมปฏิบัติ พอมาปฏิบัติแล้วแม่ชีจะเป็นไกด์ให้ เป็นสื่อกลางให้
• เป็นความงมงายหรือเปล่าคะ เขาจะมาอาศัยร่างกายเราปฏิบัติได้อย่างไร ?
มันไม่ใช่ความงมงาย เพราะว่าพอฝึกสมาธิระดับหนึ่งก็จะสามารถมีพลังจิตที่สามารถไปสัมผัสจิต อีกดวงหนึ่งได้ว่าคนนี้ชื่อนี้ นามสกุลนี้ เห็นวันนั้นไหม (วันนั้นคือวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 วันที่คลื่นสึนามิถล่มเอเชียใต้ ยามบ่ายแม่ชีดูกรรมให้กับผู้ที่มาปฏิบัติธรรม)
• เห็นแม่ชีแก้กรรมด้วยวิธีแปลกๆ ปฏิบัติธรรมแล้วยังต้องแก้กรรมแปลกๆ ด้วยหรือคะ อย่างที่แม่ชีบอกให้บางคนเอาเหรียญบาทมัดละ100 บาท 5 มัดไปผูกกับผ้าขาวม้าที่เสาไฟฟ้าแล้วทำบุญให้ใครก็ได้มาเอาไป มีหลักอะไรในการแก้กรรม ?
การแก้กรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะทุกข์แต่ละคนไม่เหมือนกัน วันนั้นรู้สึกคนนี้จะเคยใช้ไฟแล้วไม่จ่ายตังค์ตามปกติ เอาลวดไปเกี่ยวใช้ไฟ วันนั้นคนนี้เขาชาไปทั้งตัวเหมือนไฟช็อต พอเราบอกเหตุความทุกข์เขาปุ๊บ ใจเขาคลาย บางคนไม่รู้เลยว่าคนนี้ผู้หญิงหรือผู้ชาย เดินเข้ามาไม่รู้เลยว่าเขาคือผู้หญิงหรือผู้ชาย ต้องถามเขา
• เป็นเพราะอะไรหรือคะที่เกิดมาเบี่ยงเบน ?
เพราะเคยไปเบี่ยงเบนความคิดของคนอื่น โยนโทษคนอื่นโดยที่เขาไม่ได้มีความผิด ก็เลยทำให้เกิดมาเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่ใช่ เลยไม่รู้ว่าจะอยู่กับสังคมอย่างไร ทำงานกับใครเขาก็เข้ากับใครไม่ได้ อยู่ไปก็ไม่มีจุดยืน คนไม่มีจุดยืนในสังคมเยอะ ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ไม่รู้จักพ่อแม่ ถึงขนาดทุบตีพ่อแม่ หรือพูดจาให้เขาเจ็บปวด ใจนี่ก็ถือว่าฆ่าเขาแล้วนะ ฆ่าเขาทางอารมณ์ แล้วคนก็มักจะพูดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี แสดงว่าทวงในสิ่งที่คิดว่าทำดี เวลาที่คุณทำดี จริงๆ แล้วคุณกำลังทำไม่ดีหรือเปล่า
อย่างเช่น เห็นแฟนของเพื่อนไปเดินกับผู้หญิงคนอื่น รีบโทรไปหาเพื่อนเลยว่าฉันเห็นแฟนเธอไปเดินกับใครไม่รู้ แค่นี้ก็สร้างกรรมแล้วนะ ทำให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวเขา เพราะโยมไม่รู้ว่าเขามีอะไรกันหรือเปล่า ชีวิตโยมจะยุ่งเหยิง
• เวลาแม่ชีดูกรรม แม่ชีมองเห็นวาระจิตเขา มองเห็นความคิดเขา หรือมองเห็นเป็นภาพ ?
เห็นที่ใจเขาเลยค่ะ คือจะชี้อย่างนี้ๆ เลยค่ะ แปลกไหมคะ
• ก็ยังรู้สึกแปลก เพราะยังไม่เคยประสบกับตัวเอง ช่วยอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์หน่อยค่ะ ?
เพราะตำแหน่งของสมาธิ และความรู้ที่เรียกว่าปัญญา มีทุกคน เหมือนกับเราเรียนหนังสือ อาจารย์สอนให้เราเอา ก ไก่ ผสมกับ สระอา เป็น ก กา สมาธิก็เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ใจของการปฏิบัติ
• การเริ่มต้นมาปฏิบัติต้องศีลบริสุทธิ์ จะเช็คศีลของตัวเองได้อย่างไร ?
ก็ไม่ถึงกับที่ว่าศีลต้องครบ แต่ก่อนที่โยมจะมาคือโยมมีบุญอยู่แล้ว บุญจากได้ช่วยเพื่อน บุญจากที่ได้ช่วยให้ใครเขามีความสุข บุญจากการทำงานของเรา ที่ให้มาอยู่วัด 2 วันเพราะญาติที่ล่วงลับไปแล้วไม่สามารถได้บุญจากการใส่บาตรของเราได้ เขาจะอาศัยกายเราปฏิบัติได้จริงๆ
• ผู้ล่วงลับไปสามารถอาศัยกายเราปฏิบัติธรรมได้ ?
สังเกตดูทำไมดวงจิตของเราซึมเศร้า เพราะอะไร เพราะเขามีดวงจิตดวงสุดท้ายที่ตายไปไม่เป็นสุข ตายไปจากความผิดหวัง หน้าตาเขาก็จะดูไม่แฮปปี้ ใครเห็นก็รู้สึกว่าหน้าตาเขาเศร้าใจจัง
• บางคนมองว่า ตายแล้วสูญ ถ้าแม่ชีอธิบายอย่างนี้แสดงว่าตายแล้วไม่สูญ ?
แม่ชีบอกไม่ได้ว่าตายแล้วไม่สูญ แต่แม่ชีเห็นการตายของคน ตายเพราะถูกรถชน แขนหักขาดไปเลย เห็นวิญญาณแขนก็ยังขาดอยู่ อาการของวิญญาณไม่มีแค่สังขาร แล้วพอมาเกิดใหม่ แม่ชีก็เห็นภูมิหลัง ถามว่า ตายแล้วสูญไหม เมื่อวานนี้มีไหม เมื่อวานมีก็เป็นอดีตไป วันนี้มีไหม วันนี้ก็เป็นปัจจุบัน พรุ่งนี้มีไหม พรุ่งนี้ก็เป็นอนาคต นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ได้ แต่เมื่อวานเราทำอะไรไว้ จำได้หรือเปล่า
แม่ชีจะเจาะเอาเฉพาะเหตุว่า เหตุที่ทุกข์ของโยมเพราะอะไร ทำไมทำอะไรแล้วไม่ประสบความก้าวหน้าในชีวิต ทำไมมีอุปสรรคในการดำเนินชีวิต แล้วก็มีอุปสรรคในเรื่องของความรัก เวลารักใครแล้วต้องตีตัวออกห่างไป ทำไมจึงมีโรคภัยไข้เจ็บเยอะ
• เป็นกรรมจากในอดีตทั้งหมด ?
ทั้งอดีตและปัจจุบัน บางทีก็เป็นกรรมที่มาจากอดีตเยอะ กรรมจากพ่อแม่ อย่างพ่อแม่ที่ไม่พร้อมให้ลูกเกิด ตอนรักกันสองคนรักกันมาก แต่ไม่พร้อมให้ลูกเกิด พอตั้งท้องก็มีปัญหา ไม่อยากให้ลูกเกิด ความคิดที่ว่าไม่อยากให้ลูกเกิด พอลูกเกิดมาเป็นกรรม เป็นลูกเวรลูกกรรมกับเราอีก เพราะใจคิดว่าไม่อยากให้เขาเกิด พอเขาเกิดมาเขาปฏิเสธเราเอง เหมือนอย่างบางคนไม่ชอบพ่อไม่ชอบแม่นั่นแหละค่ะ เขารับรู้ได้ตั้งแต่ปฏิสนธิ
อัศจรรย์ทางจิตที่แม่ชีเห็นคือ คนใกล้ตายหูจะรั้งไปข้างหลัง จมูกจะรั้งขึ้นไป ถ่ายจะดำ นี่คือภาวะคนแก่ใกล้ตาย แล้วมาดูเด็กมาเกิดใหม่ หูรั้งไปข้างหลังบี้แบน จมูกรั้งขึ้นไปข้างบน แล้วก็อึดำเหมือนกัน นี่คือการเชื่อมต่อระหว่างการเกิดและการตาย
• แปลกใจว่าเวลาที่ดวงจิตหนึ่งดับ อีกดวงจิตหนึ่งกำลังจะเกิด เป็นจิตดวงเดียวกัน ไม่มีสภาวะอื่นๆ ที่ทำให้เกิด ?
จิตทั้งหมด 121 ดวง มีจิตที่เป็นกุศล 80 ดวง มีจิตที่เป็นทุกข์ 41 ดวง ไอ้ 41 ดวง ทุกข์เพราะการตายมากมาย ความทุกข์นี้จะมาอยู่ที่กายเราตอนเกิดใหม่
• ส่วนใหญ่เป็นความทุกข์ที่ทำให้เราเกิด ?
ใช่ ส่วนใหญ่เป็นความทุกข์ที่นำเราเกิดมา ความทุกข์ก็มีทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ ตามองเห็นแล้วชอบใจเขาเรียกว่าเสพ หูได้ยินแล้วเพราะก็เสพ ได้กลิ่นหอมก็เสพ กินก็เสพ ข้างล่างฉี่ออกไปก็มาเสพข้างล่างอีก อะไรที่สร้างความทุกข์ที่สุด ก็สัมผัสทั้งหกนี่แหละ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่แหละ
• แล้วความทุกข์ที่มากับตัวเราจะมีวันหมดไปในชาตินี้ ?
เราก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้จิตดวงเดิมที่เคยวนเวียนในสังสารวัฏนี้ได้รับกุศล ของเรา มีศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอนให้ปฏิบัติธรรม แล้วการปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่การถ่ายบาป เพราะบาปถ่ายไม่ได้ ทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับ ทำกรรมดีก็ได้รับกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ได้รับกรรมชั่ว
• การปฏิบัติธรรมโดยรูปธรรม ทำให้เกิดผลอะไร ?
คือการปฏิบัติธรรมจะทำให้เราเกิดความละอายและการเกรงกลัวต่อบาป ไม่ใช่ให้มาวัดนั่งสวดมนต์ทั้งวัน ไม่ใช่ แต่แม่ชีจัดโปรแกรมนี้ขึ้นมาเพราะแม่ชีเห็นทุกข์ของสังคม เห็นทุกข์ของครอบครัวที่แตกแยก พ่อแม่พูดกันไมได้ ลูกพูดกับพ่อไม่ได้ แม่พูดกับลูกไม่ได้ แม่ชีจึงอยากทำตรงนี้ เพราะกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ คนที่เป็นพ่อแม่ก็เคยเถียงปู่ย่าตายายเอาไว้ พอมามีลูก ลูกก็มาเถียงเรา พอมันแรงเข้า มีการผลักกันของกรรมเกิดขึ้น มีการทุบตีพ่อแม่ อย่างนี้แม่ชีไม่อยากให้เกิดขึ้นในสังคมเรา แม่ชีเห็นเยอะมาก บางกรณีฟังแล้วอึ้งไปเลย
• แล้วนักการเมืองที่โกงกินบ้านเมืองจะเจอกรรมอะไร ?
ถ้าเขาโกงกินก็มีบาปเป็นเรื่องปกติ เพราะมีเจตนาในการโกง ถ้าแม่ชีมีอำนาจในแผ่นดิน แล้วแม่ชีทำผิดโดยที่รู้และตั้งใจก็จะรับกรรมหนัก แม่ชีก็จะไม่ได้บริหารประเทศได้นานหรอกค่ะ เพราะความทุจริตทั้งหลายจะบ่งบอกออกมา แต่ที่ใครพูดว่าคนนั้น คนนี้โกงบ้านโกงเมืองอย่างนี้ เราอย่าไปพูดตามเขา เพราะเราไม่เห็นเอง
• ถ้ามีเอกสารที่เห็นชัดเจนว่าเขาโกงอย่างนี้ๆ เราเผยแพร่ออกไปได้ไหม ?
ไม่ได้ค่ะ เพราะเราไม่ได้เห็นจริง แม้แต่เอกสารก็อาจจะเป็นเอกสารที่เป็นเท็จ แม่ชีรักประเทศไทย ถามว่าคนที่คอร์รัปชัน เราเห็นไหม เขากินบ้านกินเมือง เราเห็นตรงไหน เขาจะทำอะไรนั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าไปคิดแทนเขา การคุ้ยเขี่ยอะไรบางทีมันไม่ใช่เรื่องที่ดี การที่เราไปล่วงเกินเขา เราจะร่วง
ถ้าเขาคอร์รัปชันมันเป็นเรื่องของการก้าวไม่พ้นความโลภค่ะ แต่คนดีมีเยอะนะคะ คนที่ทำเพื่อแผ่นดินก็มีเยอะ เราอย่ามองนักการเมืองในแง่ไม่ดีไปซะหมด
• ก็ถ้านักการเมืองทำดี ก็สื่อออกมาดี ถ้าทำไม่ดี ก็ว่ากันไปตามนั้น ?
(หัวเราะ) ไม่รู้นะ แม่ชีถูกสอนให้อยู่กับความรับผิดชอบ แล้วก็มีคนโยนโทษให้แม่ชีตลอดว่าแม่ชีทำผิด แม่ชีทำไม่ถูกต้อง เพราะแม่ชีไม่กระจายอำนาจให้ใครเลย จะให้แม่ชีกระจายอำนาจได้อย่างไร ในเมื่อคนนี้รับผิดชอบอะไรไม่ได้เลย คนนี้ให้โอกาสแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย แม่ชีเคยเป็นผู้บริหารระดับหนึ่ง ซึ่งละเอียดอ่อนพอสมควร พอให้โอกาสคนนี้แล้วทำไม่ได้ แล้วอีกคนหนึ่งมีเพาเวอร์ แม่ชีก็ให้เขาช่วยทำให้หน่อย
แล้วทุกคนก็รวมตัวกันไม่ชอบแม่ชีกันหมดเลย เพราะว่าแม่ชีเห็นแก่คนนี้คนเดียว แต่คนนี้เขาทำงานได้ แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ แม่ชีมองคนละมุม แม่ชีมองว่า คนที่เขาเข้าไปทำงานเพื่อบ้านเมือง จุดประสงค์คือเขาตั้งใจจริงๆ ก็มี
• แล้วเขามีกรรมไหมคะ ที่ต้องไปรับผิดชอบเรื่องบ้านเมือง ?
ทุกข์จะตาย แต่ละเรื่องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เราเป็นเขา เราก็ทำไม่ได้ แม่ชีเอาบุญให้เขาทุกวัน เขาต้องมารับผิดชอบประเทศ แม่ชีโนเนมเลยนะ อยู่ๆ แม่ชีมีคนรู้จักทั่วไป แม่ชีตั้งใจว่าที่สอนจะสอนให้คนรู้ธรรมะ แม่ชีไม่ได้ทำเพื่อลาภ-ยศ-สรรเสริญอะไร แม่ชีเป็นคุณหญิงก็ไม่ได้ เป็นได้แค่นี้ แม่ชีคิดว่าทำเพื่อสังคมมากกว่า นักการเมืองก็มีอุดมการณ์เหมือนกัน แต่เรื่องแต่ละอย่างที่มาจากงบประมาณแผ่นดิน ถ้าเราเป็นนักข่าว เราต้องใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่งั้นเราต้องรับผิดชอบทั้งชีวิตเลยนะ
เป็นนักข่าว ขายข่าว ถ้าเขียนข่าวผิดความหมายไปคำหนึ่ง ความหมายของชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน อย่างให้สัมภาษณ์อย่างนี้ ถ้าเขียนผิดต้องรับผิดชอบแม่ชีด้วย เพราะแม่ชีไม่มีเจตนาอื่น แม่ชีรักธรรมะจากพระพุทธเจ้า
• คนมักจะพูดกันว่า อดีตไม่สำคัญให้ทำปัจุบันให้ดีที่สุด แล้วทำไมคนจึงอยากรู้เรื่องภพชาติของเขา รู้อดีตไปเพื่ออะไร ?
เพราะคนไม่เหมือนกัน บางคนอยากรู้เพราะอยากแก้ไข เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นซ้ำซาก เช่นบางคนมีคู่ไปเรื่อยๆ แต่ไม่อยากอยู่กับใครเลย เขาก็อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นอย่างนั้น บางคนลงทุนอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย บางคนก็ฟุ่มเฟือยซะจนไม่รู้จักพ่อ ไม่รู้จักแม่ คือแต่ละคนมีพื้นฐานของกรรมไม่เหมือนกัน
• แล้วทำไมไม่มองเป็นวิทยาศาสตร์ ว่าที่เรามีความทุกข์แบบนี้ เป็นเพราะเราคิดผิด เราเห็นแก่ตัว หรือเราตามใจกิเลสเราเองมากเกินไป ทำไมเราไม่ฝึกชนะใจตัวเอง เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง ทำไมเราต้องไปเชื่ออะไรที่ผู้อื่นบอก ?
แม่ชีถึงต้องมานั่งสอน เพราะบางคนไม่มีหลักยึดเลย บางคนก็บอกไม่ได้ว่าทำไมตัวเองจึงเป็นอย่างนี้ บางคนเจอใครก็รักไปหมด เป็นตัวหลง เขาก็อยากรู้ว่าเขาจะหยุดได้อย่างไร เขาก็อยากรู้ แล้วความอยากรู้ไม่ใช่ผล เพียงแต่เป็นการเรียกน้ำย่อยว่าคุณต้องมาปฏิบัติ แล้วจะปฏิบัติตัวอย่างไร เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร
• รู้สึกว่าคนที่มาหาแม่ชีส่วนใหญ่ป่วยทางจิตใจ ?
ถ้าแม่ชีอยู่ต่างประเทศคงรวยนะ เพราะเหมือนกับใช้จิตวิทยารักษา แต่ความจริงไม่ใช่ แม่ชีใช้สมาธิรักษา แม่ชีจิ้มไปที่เหตุเลย แล้วเขาก็บอกว่าจริง อาทิตย์ที่แล้ว คุณยายอายุ 65 คุณตาอายุ 64 คุณยายทุกข์ใจ คุณยายกำลังจะบอกเรื่องทุกข์ใจ แม่ชีบอกว่าอย่าเพิ่งพูด แล้วบอกคุณยายไปว่า คุณยายไปปฏิบัติธรรมที่ไหนมา คุณยายบอกว่าไปปฏิบัติที่นครสวรรค์มา 9 วัน
ใน 9 วันนี้ คุณยายมีกรรมกับคนที่ปฏิบัติด้วยกันหรือเปล่า แม่ชีบอกว่ามี คุณยายทะเลาะกับใครที่ปฏิบัติด้วยกันหรือเปล่า ตอนที่คุณยายตักข้าวตอนเช้า 10 โมง ในการบวชวันที่ 4 คุณยายบอกว่า จำได้แล้ว ทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เลยบอกว่า ก่อนที่คุณยายไปปฏิบัติธรรม คุณยายกับคุณตาไม่มีความขัดแย้งกันใช่ไหมคะ แต่คุณยายเป็นคนขี้บ่น หลังจากคุณยายบวชเสร็จ คุณตาปันใจให้ผู้หญิงอื่น กรรมจากที่คุณยายคิด แล้วแช่งเขา ด่าเขา ส่งผลให้คุณยายต้องเสียของรัก คุณยายโอเค มันมีเหตุจึงส่งผล
• ทั้งๆ ที่คุณยายอายุ 65 และคุณตาอายุ 64 ?
ค่ะ
• หลักการปฏิบัติธรรม 2 วัน 1 คืนในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร ที่แม่ชีจัดขึ้น มีรายละเอียดอย่างไร ?
แม่ชีให้เข้าเช้าวันเสาร์ กรอกใบสมัคร รับชุดขาวพร้อมหนังสือสวดมนต์ รับศีล ให้อยู่กับความถูกต้อง ให้อยู่กับความบริสุทธิ์ 2 วัน 1 คืน แล้วออกวันอาทิตย์ ในช่วงนั้นแม่ชีสอนเรื่องศีล เช่นศีลข้อ 2 ถ้าชั่งก็ต้องชั่งให้เต็ม ตวงก็ตวงให้เต็ม ไม่ใช่ลักทรัพย์ มันอยู่ในศีลข้อที่ 2 ไปทำงานไม่ตรงเวลาก็คือการลักทรัพย์ ให้มีสัมมาชีพ หรือศีลข้อ 1 ไม่ใช่เรื่องการฆ่าทางร่างกายอย่างเดียว แต่หมายถึงฆ่ากันทางวาจาด้วย ไม่กล่าวล่วงเกินใครด้วยวาจา
ทั้งกาย วาจา ใจ ท่านสอนให้ละความชั่วทั้งปวง ทำจิตให้ขาวรอบ ทำกุศลให้ถึงพร้อม ทำใจให้ผ่องใสเสมอ การรักษาศีล 5 คือไม่ให้ทำร้ายตนเองและผู้อื่น พูดก็ต้องรับผิดชอบคำพูด คิดก็ต้องรับผิดชอบความคิด ทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบการกระทำ ถ้าทำงานไม่ตรงเวลาวันละชั่วโมง ปีหนึ่งเอาเขาไปกี่ชั่วโมง ต้องคืนนะคะ
• ถ้าทำเกินล่ะคะ ?
ทำเกินไม่ได้อะไร เสมอตัว แต่ทำเกินไปเถอะค่ะ มันจะเป็นกุศลของโยม องค์กรก็ดีขึ้น
• หลักการดูกรรมของแม่ชี กับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรคะ ?
ไปเปรียบเทียบกับพระอริยสงฆ์ไมได้หรอกค่ะ แม่ชีไม่เคยพบท่าน แม่ชีไม่รู้ค่ะ แม่ชีเรียนกับหลวงพ่อปรีชา ธนวฑฺฒโก วัดเขาอิติสุคโต อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
• หลักการสอนภาวนาของหลวงพ่อปรีชา ?
ท่านสอนให้อยู่กับอารมณ์ เช่นคนมาเยอะๆ รำคาญไหม คนนี้ถามแล้วถามอีก เห็นไหม บางคนก็พยายามที่จะถาม เราเห็นกรรมของเขา เราก็เฉย อุเบกขา ตอนท้ายถึงเฉลยว่าที่ไม่พูดกับโยมเพราะอะไร โยมมีกรรมอะไร อยู่บ้านโยมไม่พูดกับพ่อแม่ใช่ไหม แม่ชีก็เลยไม่พูดกับโยมบ้าง แค่งอนกับแม่ก็เป็นบาปแล้ว งอนพ่อแม่ไม่ได้เลย ท่านเป็นพระอรหันต์ในบ้าน บางคนบอกให้พ่อแม่รออยู่ที่บ้านแล้วไม่กลับ พ่อแม่ก็เป็นห่วง มือถือก็ไม่รับ พ่อแม่เป็นทุกข์อย่างไร ลูกก็เป็นทุกข์อย่างนั้น เขามาหาแม่ชีอยากรู้เรื่องของเขา แม่ชีก็ไม่บอก ไม่พูด เพราะเวลาที่พ่อแม่อยากรู้เขาปิดเครื่องมือสื่อสาร แต่สุดท้ายแม่ชีก็เฉลยนะว่าทำไมแม่ชีไม่สื่อ
• การระลึกชาติด้วยตัวเอง กับการล่วงรู้วาระจิตของคนอื่น ต่างกันอย่างไร ?
มีอยู่ในพระอภิธรรมว่า คนที่ปฏิบัติได้ระดับหนึ่งก็จะได้ฌาน สามารถระลึกชาติได้ แต่แม่ชีไม่ได้รู้ถึงขั้นอุกฤษฏ์อะไร แม่ชีเป็นเพียงกุศโลบายอย่างหนึ่งให้โยมมาปฏิบัติ แล้วโยมมีของโยมอยู่แล้ว แม่ชีก็ทะลุมิติไปอีกหน่อยหนึ่ง จากจิตของแม่ชีทะลุไปที่จิตของโยม ว่าโยมคิดอะไรอยู่
• การรู้กรรมของคนอื่น เป็นทุกข์ไหม ?
ไม่ทุกข์หรอกค่ะ เรื่องของโยมก็คือเรื่องของโยม บอกโยมแล้วก็แล้วกัน แต่แม่ชีไม่พูดให้โยมทุกข์นะ ถ้าแม่ชีทำให้โยมทุกข์ แม่ชีต้องรับกรรมตรงนั้นด้วย เพราะเป็นวจีกรรม ตรงไหนที่ตรงประเด็นมาก แม่ชีจะอ้อมๆ เอา หรือไม่พูด บางเรื่องแม่ชีบอกว่า ขออนุญาตพูดได้ไหมคะ คนอื่นจะได้เอาไปใช้ได้ โยมจะได้เบาจากกรรมตรงนั้น
การบวชครั้งหนึ่ง 700 คน ศีล 8 เนกขัมบารมีนะคะ ไม่มีค่าใช้จ่าย มีชุดให้ใส่ มีที่ให้นอน อาหารมีให้ทาน ทุกอย่างฟรีหมด ใครที่อยากจะทำบุญก็ทำเป็นก๊อกต่อไป สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสัปดาห์ต่อไป แม่ชีก็ไม่เดือดร้อน วัดก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร คือมีวัดไว้ไม่มีคนเข้า จะทำอย่างไร สร้างวัดก็เพื่อให้คนมาปฏิบัติ แม่ชีไม่ได้มุ่งหวังเรื่องสร้างวัตถุนะ อยากสร้างคนมากกว่า
• เคยเห็นพระที่ปฏิบัติดีหลายรูปที่เปลี่ยนไปหลังจากมี ลาภ ยศ สรรเสริญเข้ามา แม่ชีมีความคิดเห็นอย่างไร ?
แม่ชีคิดว่าแม่ชีพอ ในสังคมฆราวาสที่แม่ชีเคยเป็น ก็ล้มเหลวตลอด ไม่เคยคิดว่าความล้มเหลวตรงนั้นจะสร้างความทุกข์ให้แม่ชี แต่แม่ชีมาอยู่ตรงนี้ก็เห็นว่ากรรมมีจริง ทำอย่างไรจึงจะหนีกรรมให้พ้น แม่ชีทำกรรมกับพ่อแม่ไว้เยอะ แม่ชีก็เลยเอาโปรแกรมตรงนี้ใส่ข้อมูลลงไปในแต่ละคน ถามว่าแต่ละคนมีกรรมกับพ่อแม่ไหม มีหมด เป็นจิตวิทยาบางอย่าง แต่อีกอย่างหนึ่งคือ สมาธิล้วนๆ ที่จิ้มลงไป
แม่ชีเคยนั่งสวดมนต์ให้โยมฟัง แล้วให้โยมนั่งสมาธิ หลวงพ่อปรีชาได้ยินเข้า มาบอกว่า มึงทำอะไร แม่ชีบอกว่าสวดมนต์ให้โยมนั่งสมาธิ หลวงพ่อบอกว่า มึงมีฌาน ทำไมมึงไม่บอกเขาไปล่ะว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ
แล้วพระธรรมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามฯ ท่านเมตตามาก ท่านให้ข้อมูลเรื่องธรรมะ ท่านให้แม่ชีทำทาน ให้แม่ชีรับผิดชอบเรื่องการปฏิบัติธรรม
• แม่ชีจัดสรรให้แต่ละคนช่วยงานอย่างไร ?
ไม่มี คนนี้เป็นแม่ครัวก็มาทำด้วยใจ 2 ปีแล้ว ไม่ต้องจ้าง เขาถือว่ามาทำบุญ ไม่มีการเรียกร้องอะไร ตรงนี้มันเสี่ยงกับความโลภ เพราะแม่ชีอยู่ตรงนี้รู้เลยว่ามันเสี่ยง 10 บาท 20 บาทก็เสี่ยง เพราะคนมาก คนละ 20 บาท 800 คนเป็นเงินเท่าไหร่ ใช่ไหมคะ แต่ละอาทิตย์ มันเสี่ยงต่อความโลภ แม่ชีไม่เอา
• ตรงนี้ทางวัดมีเจ้าหน้าที่มาดูแล ?
ท่านให้แม่ชีดูแล แล้วแม่ชีก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับทางวัด เพียงแต่ใช้สถานที่เป็นการปฏิบัติ ท่านให้โอกาสแม่ชีในการเผยแผ่ธรรมะมากกว่า เพราะถ้าเป็นพระสงฆ์ไม่อยู่ในฐานะที่พูดได้ ทั้งๆ ที่พระสงฆ์เก่งกว่าแม่ชีตั้งร้อยเท่า แต่เพราะมีวินัยกำกับไว้ว่าพูดไม่ได้ ทีนี้ครูบาอาจารย์ก็มานั่งปั้นให้แม่ชีพูดอย่างนี้ๆ ป้อนข้อมูลให้แม่ชีอย่างนี้ๆ แล้วแม่ชีก็มาฝึกเอาว่าอย่างนี้ดูได้ อย่างนี้ดูไม่ได้ ทำไมอย่างนี้ดูไม่ได้ อย่างนี้ดูได้ ก็ค่อยๆ ดูไป
• ใช้เวลานานไหมในการปฏิบัติเพื่อที่จะเห็นกรรมของแต่ละคน ?
แม่ชีเห็นกรรมตั้งแต่ยังไม่ได้บวช ตั้งแต่เด็ก แม่ชีดำน้ำลงไปเห็นอะไรในน้ำ มันวูบๆ วาบๆ เวลานั่งเพลินๆ ก็เห็นคนเดินไปเดินมา เห็นอีกมิติหนึ่งเลย พอมาปฏิบัติที่เห็นอย่างลึกซึ้งกินใจคือความเลวของเราทั้งนั้นเลยที่เราเห็น เราเห็นกรรมของเราทั้งนั้น ก็เลยทำให้พิจารณาว่า อายุเท่านี้ทำกรรมขนาดนี้ ถ้าเราอยู่ทางโลกเราต้องสร้างกรรมมากขึ้นอีก ชั่งก็ต้องชั่งโกงเขาจึงจะได้กำไรมาก วัดก็ต้องวัดโกงเขาถึงจะได้กำไรมาก แม่ชีจึงเอาสิ่งเหล่านี้ที่ผิดพลาดมาทำให้แม่ชีได้คิดว่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวนะ
แม่ชีเคยค้าขายมะพร้าว เรือมันติดแห้งอยู่ แม่ชีรีบขนมะพร้าวลงเรือเพราะกลัวเจ้าของสวนเขาเห็นว่าแม่ชีโกงเขา แม่ชีรีบให้ลูกช่วยกันโยนมะพร้าวลงเรือ แล้วน้ำหนักของเรือกับมะพร้าวไม่สมดุลกัน จากที่เราโกงเขา พอเข็นหลุดออกจากคลองที่ติดแห้งอยู่เรือก็จม มะพร้าวก็ลอย บ่งบอกให้เจ้าของสวนรู้ว่าเราโกงเขา แป๊บเดียวเดี๋ยวนั้นเลย แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นกรรม รู้แต่ว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
• แล้วกรรมเกี่ยวกับคลื่นสึนามิ แม่ชีจะอธิบายอย่างไรคะ ?
สึนามิเคยมีในสมาธิของแม่ชีเมื่อ 6-7 ปีก่อน เคยนั่งสมาธิแล้วมีพระสงฆ์มาจากพังงารูปหนึ่ง มาอยู่ที่วัดที่แม่ชีอยู่ นั่งสมาธิทีไรก็เห็นแต่หน้าท่าน ก็เลยไปนั่งสมาธิกับท่าน จากตรงที่นั่งสมาธิกับท่านก็มีอะไรบางอย่างออกมานั่งอยู่ข้างหน้าแม่ชี เขาบอกว่าเป็นเจ้าทะเลอันดามัน แล้วบอกเรื่องราวของทะเลอันดามันว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเราก็พร้อมใจกันไปที่พังงาไปทำพิธีรับวิญญาณ ตรงเจ้าพ่อเขาหลัก
มีของอย่างหนึ่งที่ไม่สำเร็จในการทำพิธีนั้นในเวลา 9 โมง คือเผือกไม่สุก ต้มอย่างไรก็ไม่สุก เจ้าทะเลอันดามันบอกว่าของทุกอย่างให้ผ่าออก ให้เห็นข้างใน มีเผือกอย่างเดียวที่ผ่าออกมาแล้วข้างในมันขาว แม่ชีก็ตีปริศนาว่า อ้อ คนที่มาตายในแผ่นดินไทยเป็นคนต่างชาติเยอะมาก มีหลักฐานพยานคนที่ไปช่วงนั้นอยู่ด้วย
• แม่ชีรู้ล่วงหน้าแล้วทำไมไม่มีการเตือน ?
ก็เตือน แม่ชีไปรับกรรมมาแล้ว แต่เหตุมันจะเกิดแล้วจะทำอย่างไร แม่ชีคนเดียวจะไปเบรกคลื่นยักษ์ขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ แม่ชีไม่ใช่ผู้วิเศษ ก็ได้แต่สวดมนต์แผ่เมตตา คงทำได้ 1 ใน 1,000,000 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็อธิษฐานจิตว่า ถ้าจิตใดที่ต้องล้มหายตายจากขอให้ไปสู่สวรรค์ เราเห็นอนาคตก่อนไม่ใช่ดีนะคะ เราต้องควบคุมอารมณ์เราให้อยู่ แม่ชีเคยเห็นคนหนึ่งไม่มีคอเลย ตอนนั้นเขาเป็นพระอยู่ แม่ชีบอกเขาไม่สึกได้ไหม เขาบอกว่าจะสึก แม่ชีบอกว่าอย่าสึกเลย เพราะเห็นว่าไม่มีคอ แต่เขาบอกว่าคนจะตายอยู่ที่ไหนก็ตาย พอเขาสึกออกมาอีก 3 เดือนเขาก็ตายจริงๆ เพราะอะไรมันก็ไม่เที่ยง อะไรมันก็ไม่แน่นอน อย่างแม่ชีรับปากโยมวันนี้ว่าเราเจอกันนะ อาจจะไม่เจอก็ได้ เพราะไม่แน่นอน
คลื่นสึนามิ ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากมนุษย์ทำลายธรรมชาติมากเกินไปหรือ ไม่ใช่เป็นเพราะเราขุดเจาะน้ำมัน ใช้ทรัพยากรธรรมชาติไม่บันยะบันยังจนโลกร้อน ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และทำให้เกิดแผ่นดินไหวและเกิดคลื่นยักษ์ตามมา ?
เหตุการณ์ธรรมชาติมันจะเกิดก็ต้องเกิด ทำไมต้องไปเกิดที่นั่น เขาให้เห็นว่าภัยธรรมชาติยังขนาดนี้ ยังไม่เลิกทะเลาะกัน ยังไม่เลิกทำสงครามกันอีกหรือ แต่อย่าเอาแม่ชีเป็นเกณฑ์ เราเอาวิกฤติเป็นโอกาส ถามว่าแม่ชีอยากดังไหม ไม่ใช่ บางทีแม่ชีเห็นสะพานหัก แม่ชีก็ไปซ่อมก่อน ถ้าเราเห็นแก่ตัว เราเดินจากไปโดยไม่ต้องซ่อมก็ได้ แต่ถ้าเรารักชาติ รักแผ่นดิน เราก็ต้องไปซ่อม เพราะเดี๋ยวเพื่อนเรามาเดินต่อ
• แล้วคนที่ตายจากคลื่นสึนามิอย่างไม่รู้ตัวจะไปอยู่ไหน ?
เขาก็ว่ายน้ำอยู่นั่นแหละค่ะ เราต้องสวดมนต์แผ่เมตตาทำบุญให้เขา วิญญาณมีเยอะทุกที่แหละ กว่าจะมีแผ่นดินไทย ละเลงเลือดมาไม่รู้เท่าไหร่ ไม่ใช่เฉพาะสึนามิ มันเป็นเรื่องปกติ ทำไมต้องมาตายเมืองไทย ทำไมไม่ตายที่บ้านเมืองเขา ทำไมต้องนั่งเครื่องบินมาตายที่นี่ อะไรที่เป็นของเรามันก็เป็นของเรา อะไรไม่ใช่ของเรา มันก็ไม่ใช่ของเรา คนเรามีสัญญาต่อกันนะ ถ้ามีสัญญากรรมดีต่อกัน เห็นหน้าปุ๊บ น่ารักจัง อยากคุยนานๆ ถ้ามีสัญญากรรมที่มีการจองเวรกัน อยู่ใกล้ๆ กันนั่งถอนใจกันอยู่นั่นแหละ เหมือนถูกแย่งลมหายใจ ทั้งๆ ที่พื้นที่ก็กว้าง เมื่อไหร่จะไปซักที
• ตอนที่แม่ชีทำงานหนักๆ มีคนมาหาเยอะ แล้วเอาเวลาไหนปฏิบัติสมาธิภาวนา ?
กลางคืนค่ะ ไม่ค่อยได้นอน
• เวลานั่งสมาธิกำหนดอย่างไร ?
ก็ภาวนาใช้บริกรรม อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ...แล้วก็จบด้วยพระคาถาชินบัญชร จากนั้นก็นั่งเรื่อยไป แล้วก็ถวายธรรมะทุกวัน คุยกับโยมก็เป็นธรรมนะ แม่ชีสอนลูกว่า อะไรที่เป็นความสุข ทำไปลูก อะไรที่เป็นความดี ทำไปลูก เพราะแม่ไม่มีอะไรจะให้
• ตอนนี้ลูกๆ ของแม่ชีเป็นอย่างไรบ้าง ?
ก็ทำมาหากินกัน ไม่ได้เดือดร้อน
• เป้าหมายการบวชของแม่ชี ?
ก็บวชไปเรื่อยๆ
• คิดจะสึกไหม ?
ไม่หรอกค่ะ แต่วันนี้ดังมาก พรุ่งนี้อาจจะไม่ดังก็ได้ มียศก็เสื่อมยศ มีลาภก็เสื่อมลาภ วันนี้มีคนพูดถึงมาก วันหน้าอาจไม่มีใครพูดถึงเลย
• แม่ชีคิดอย่างไรกับการที่ดังมากๆ มีคนเข้ามาหาเยอะ สิ่งต่างๆ ก็ตามมา อาจมีข้อครหาว่า แม่ชีเป็นของจริงหรือเปล่า ?
ไม่ซีเรียสค่ะ ทำใจได้แล้ว (หัวเราะ) เพราะสิ่งที่แม่ชีเห็น แม่ชีรู้ว่าไม่ได้สร้างทุกข์สร้างโทษให้ใคร เจตนาบริสุทธิ์ ใน 100 เปอร์เซ็นต์ แม่ชีมี 90 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่บริสุทธิ์คือความพลั้งเผลอของแม่ชีเอง ใจนั้นให้จริงๆ อยากให้โยมไปอยู่กันอย่างมีความสุข อยากบอกโยมว่า ถ้าเป็นช่างซ่อมเครื่อง ก็ต้องซ่อมให้ถูกต้อง เป็นร้านอาหารก็อย่าคิดเกิน แต่ละอย่างมันละเอียดอ่อน
• การปฏิบัติธรรมของลูกผู้หญิง แม่ชีเห็นว่าอย่างไร ควรจะบวชไหม ?
ก็ปฏิบัติบูชาไปเรื่อยๆ บวชก็ได้ ไม่บวชก็ได้
• แม่ชีมีข้อคิดอะไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกบ้าง เพราะเห็นคนป่วยทางจิตมาหาแม่ชีหลายคนเป็นเพราะพ่อแม่รักลูกมากเกินไป ไม่ยอมให้ลูกทำงานบ้าน เขาเลยฟุ้งซ่านวนเวียนอยู่กับความคิด และมีความกลัวมากมาย จริงๆ แล้วอาจไม่ได้ป่วย เพียงแค่เหงื่อไม่ออก ?
แม่ชีบอกเลยว่า พ่อแม่ให้ชีวิตเขาแล้วอย่าไปยึดกับชีวิตลูกมาก ปล่อยให้ลูกบินไป อย่าไปทำอะไรให้ลูก ถ้าลูกเลยสิบขวบไปแล้วให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง อย่าไปยึดติดกับลูก แม่ชีสังเกตดู เด็กอายุสองขวบครึ่ง เวลาเขาหิวน้ำ เขาเดินไปตักเองได้ แต่พ่อแม่รู้สึกว่าเป็นห่วงลูก ก็ทำให้ลูกหมด ไม่ได้สอนเขา เวลาเขาทำผิด ไม่สอนเขา เวลาเขาด่า ก็ไม่ตีเขา ปล่อยให้เขาด่า พอเขาโตขึ้นมาจะไปสอนให้เขาหยุดด่าได้อย่างไร เพราะเราไม่ได้ปลูกฝังเขามาก่อน เลี้ยงลูกต้องตี เมื่อไม่ตีก็ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา ทำอย่างไรล่ะ พ่อแม่ก็รับกรรมไป เลี้ยงอย่างไรก็ต้องรับผลที่เกิดขึ้น
๐ ขอธรรมะจากแม่ชี ฝากท่านผู้อ่านค่ะ ?
สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งสมมติขึ้นมาทั้งนั้น สมมติว่าเป็นเรา ถ้าเราทำงานราชการ ความเป็นข้าราชการก็อยู่กับเรา 60 ปี ก็ต้องทำใจเตรียมพร้อมไว้กับการจากไปจากราชการหลังปลดเกษียณ ถ้าแม่ชีเป็นข้าราชการก็ต้องคิดว่าถ้าอายุ 60 ปี จะไปทำอะไรต่อ ตอนนี้ดีว่าแม่ชีเป็นนักบวชก็ไม่ต้องคิดถึงตรงนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างพลิกผันได้ง่าย อะไรก็ไม่เที่ยง อย่างคนเดินขึ้นเขาเหนื่อยมากมาย เดินขึ้นไปจนถึงที่สูงสุดแล้วก็ต้องเดินลงมา เราจะอยู่บนนั้นตลอดไปไม่ได้เพราะไม่ใช่ที่ของเรา แล้วเวลาเราเดินลงมาต่ำที่สุดเราได้อะไรบ้างจากการเดินขึ้นและเดินลง นี่คือสัจธรรมของพระพุทธเจ้าเลยว่า เมื่อเราขึ้นเขาเราก็ต้องลงจากเขาเป็นธรรมดา เราต้องสรุปบทเรียนให้ได้ว่าเราเรียนรู้อะไรจากการขึ้นเขา บนเขามีอะไรเราสังเกตให้หมด คนที่ทำทางให้เราขึ้นไปก็ได้กุศลจากเราด้วย
๐ แม่ชีเรียนรู้จากคนที่มาหาแม่ชีตลอด อย่างเวลาเราไปตักอาหารแจก มีคนเดียวกันมาตักสามรอบ เราจะว่าเขาไม่ได้ เพราะเขามีบุญที่จะกินอาหารตรงนี้ ถ้าเราพูดว่าเขา แสดงว่าใจเรายังไม่พร้อมที่จะให้ ถ้าให้แล้วต้องไม่มองหน้าเขาเลย ไม่อย่างนั้นอกุศล ถ้าให้ด้วยจิตที่โจมตีเขา เขาจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ?
ทรัพย์ภายในคือการให้ ยิ้มก็คือการให้ ใครเห็นก็รักเรา ยิ้มไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าโวยวาย เวลาซื้อขนมก็ซื้อไปสองห่อ อย่ากินคนเดียว แบ่งคนอื่นด้วย ดีไหมคะ เราต้องอยู่อย่างเป็นประโยชน์กับตัวเองและสังคม
Videos Relacionados!