vipassana - เยี่ยมเมืองนรก
  หน้าแรก
  ศูนย์พิทักษ์ศาสนา
  พุทธประวัติ
  พระอรหันต์
  พระอริยบุคคล
  พระไตรปิฎก
  ศาสนาในโลก
  ศาสนาพุทธ
  ภิกษุ-สมณะ
  การปกครองสงฆ์ไทย
  พระศรีอาริย์โพธิสัตว์
  นรก
  18 อภิญญา
  19 กฎแห่งกรรม
  19.1 กฏแห่งกรรม
  20 แก้ กรรมเก่า
  21 วิบากกรรม
  22 ผลกรรมเมื่อผิดศีล 5
  23 ลดกรรม 45
  24.1 คู่กรรม คู่บารมี
  Titel der neuen Seite
  28 กรรมฆ่าตัวตาย
  กรรมให้ผลอย่างไร ?
  เหตุให้กะเทย
  อาถรรพ์สวาท
  31 กรรมเก่ากรรมใหม่
  กรรมบท 10
  34 อกุศลกรรม 10
  กิเลส1500ตัณหา108
  35 ความตาย
  เยี่ยมเมืองนรก
  38 โอปปาติกะ
  43 ตายจะไปเกิดที่ไหน
  สวรรค์
  คนเหนือดวง
  บุญ
  บำเพ็ญ วิปัสนา
  ปฏิบัติกรรมฐาน
  ญาณ 16
  อสุภกรรมฐาน
  Home
  กรรมฐานแก้กรรม
  ธรรมที่อุปการะสมาธิ
  วิธีเจริญภาวนา
  วิริยบารมี ,ปัญญา
  63 มโนมยิทธิ
  65 วิปัสสนูปกิเลส
  ศีล สมาธิ ปัญญา
  69 ศีล 5 . 8 .10. 227
  ศีล 5 แบบละอียด
  9.3 ศีล พระธุดงค์
  มงคลสูตร ๑๐
  อานาปานสติ
  มงคล ๓๘ ประการ
  พฺรหฺมจริยญฺจ
  มรรคมีองค์ 8
  สังโยชน์ ๑๐
  สติปัฎฐาน ๔
  ปฏิจจสมุปบาท
  วิชชาจรณสัมปันโน
  จิตประภัสสร
  ฟัง หลวงปู่มั่น
  ฟัง พระโชดกญาณ
  ฟัง หลวงพ่อชา
  ฟัง หลวงพ่อพุธฐานิโย
  ฟัง หลวงพ่อจรัญ
  ฟัง หลวงปู่เณรคำ
  ฟัง พระพรหมคุณา
  ฟัง หลวงปู่พุทธะ
  ฟัง สมภพโชติปัญโญ
  ฟัง พระมหา วชิรเมธี
  ฟัง ดร.สนอง วรอุไร
  ฟัง แม่ชีทศพร
  เกิดมาทำไม
  ติดต่อโลกวิญญาณ
  หลวงปู่แหวน แผ่เมตตา
  หลวงพ่อปาน
  พุทธสุภาษิต ร้อยผกา
  เปรียบศาสนา
  เตือนสติผู้ปฏิบัติ
  พระดูหมอผจญมาร
  หนีบาป
  บริจาคเลือด
  ขยะในใจ
  วิวาห์ ทารุณ
  วิธีช่วยคนใกล้ตาย
  หลวงพ่อวิโมกข์
  การประเคน
  การจุดธูปบูชา
  การแผ่เมตตา
  วิธีใช้หนี้พ่อแม่
  คุณบิดา-มารดา
  วิธีกราบ
  อธิษฐาน
  แด่เธอผู้มาใหม่
  แขวนพระเพื่ออะไร
  เลือกเกิดได้จริง
  ทำนายฝัน
  พระเจ้าทำนายฝัน
  เสียงธรรมะ
  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
  นิทานธรรมะ
  ฟังเสียง หนังสือ
  ฟัง นิทานอีสป
  ละครเสียงอิงธรรม
  เสียง อ่านหนังสือ
  เสียง ทางสายเอก
  หนังสือธรรมะ
  ฟังบทสวดมนต์
  เทศน์มหาชาติ
  เพลงสร้างสรรค์
  สารบัญคำสอน
  เรื่องจริงอิงนิทาน ลี้ลับ
  แนะวิธีหนีนรกแบบง่ายๆ
  แนะนำ วิธีป้องกัน โรค
  F 1 บำบัดความเครียด
  F 2 ความวิตกกังวล
  F 3 วิธีรักษา โรคต่างๆ
  F 4 ตรวจสุขภาพผู้หญิง
  F 5 มะเร็ง
  F 6 ทำแท้งเถื่อน
  F 7 เป็นภูมิแพ้
  F 8 การช่วยชีวิตฉุกเฉิน
  ข่าว บันเทิง
  M 1 ดูทีวีออนไลน์
  M 2 ฟังวิทยุ
  M 3 หนังสือพิมพ์วันนี้
  M 4 หอ มรดกไทย
  M 6 ที่สุดของโลก
  M7 เรื่องน่ารู้
  M 9 ตอบ-อ่าน
  M 10 ดูดวง..
  M 11 ฮวงจุ้ย จีน
  ค้นหา ข้อมูลช่วยเหลือ
  S 1 ท่องเที่ยวไทย
  S 2.1 สถานีขนส่ง - Bahnhof
  S 2.2 GPS
  S 4 เวลา อากาศ โลก
  S 5 กงสุลใหญ่
  S 6 เว็บไซต์สำคัญ
  วัดไทยในต่างแดน
  S 8 ราคาเงินยูโรวันนี้
  S 9 ราคาทองคำวันนี้
  S 10 แปล 35 ภาษาไทย
  S 11 บอกบุญ ทำบุญ
  D 1 Informationen Thailand
  D 2 Buddha
  D 4 Super foto
  Z 1 Clip คำขัน
  Z 2 Clip นิทานธรรมะ
  Z 4 Clip เรื่องจริง
  Clip กรรมลิขิต
  Z 6 Clip หนัง Kino
  การใช้ชีวิตคู่
  เกมส์คุณหนู
  "สุข" แม้ในยาม เศร้า
  ธรรมะเพื่อชีวิต เสียงอ่าน
  รวมบทความธรรมะ
  ค่าน้ำนม
  ฟังเสียงสวดมนต์
  ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน
  Kontakt

บันทึกนรกภูมิ
ผมนั่ง กรรมฐานอธิษฐาน จิตไปสู่นรกภูมิ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผม มืดสลัว รอบบริเวณนั้น มีไอชื้น และมีกลิ่นอับ เหม็นเน่า ลอยอยู่ทั่ว ผมมองไปทางขวามือ เห็นยมฑูตองค์หนึ่งเดินตรงเข้ามา และหยุดอยู่ตรงข้างหน้าผม ลักษณะการแต่งกายของยมฑูต นุ่งผ้าหยักรั้งสีแดง ไม่สวมเสื้อ ที่แขนมีผ้าถัดสีแดงสวมอยู่ หน้าตาดุ มีหนวด
ผมบอกกับยมฑูต ว่า ผมต้องการพบกับพระภิกษุที่ตกนรกขุมนี้ แล้วยมฑูตก็นำทางผมไป ทางข้างหน้าที่เดินไป ยังคงเป็นสภาพเดิม บรรยากาศสลัวมืด มีกลิ่นเหม็นสาบคล้ายกลิ่นซากศพ จากทางนี้มองออกไปข้างหน้า มีแสงสว่างสลัว ๆ อยู่เบื้องหน้า ทางขวามือของเส้นทางที่ผมเดินไปมีป้ายชื่อแดนปักไว้ ผมเดินไปอีกสักครู่ก็มองเห็นยมฑูตสององค์ กำลังนำพระภิกษุรูปหนึ่งเดินตรงมาทางผม ลักษณะการแต่งกายของพระภิกษุรูปนี้ แต่งกายสวมจีวร ที่คอสวมสร้อยประคำ ร่างกายดูอิดโรย ซีดเซียว ที่หน้าผากของพระภิกษุรูปนี้มีรอยสักด้วยหมึกสีแดงว่า “นรกขุม 7”
“มึงทำกรรมชั่วอะไรเอาไว้บนโลกมนุษย์ มึงพูดไปให้หมด อย่าปิดบังนะมึง” ยมฑูตตวาดพระภิกษุรูปนั้น
พระ ภิกษุรูปนี้ เล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ บวชเป็นพระมาประมาณ 15 ปี กระทำความผิดไว้มากมาย ได้เคยล่อลวงหญิงสาวคนหนึ่งมาข่มขืนแล้วทอดทิ้ง และหนีมาบวช ด้วยเพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้สร้างบาปไว้ในพระพุทธศาสนา โดยได้ขโมยเงินที่ชาวบ้านนำมาทำบุญไปใช้บำเรอความสุขส่วนตัว ไม่สนใจกิจของสงฆ์ จึงทำให้เขาต้องรับทุกข์ทรมานเช่นนี้
“ยังมีอีก มึงว่าไปให้หมด” ยมฑูตตะคอกใส่พระภิกษุ เสียงดัง
วิญญาณพระรูปนี้ได้เล่าให้ผมฟังอีกว่า เมื่อสมัยบวชเป็นพระภิกษุได้ทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน กรรมนี้ ทำให้เขาต้องถูกลงโทษในนรก
ผมได้บอกกับยมฑูตว่า ผมอยากเห็นสภาพการลงโทษพระภิกษุรูปนี้ เพื่อจะได้นำไปเขียนให้มนุษย์ได้รู้ถึงบาปกรรม
จาก นั้น ยมฑูตทั้งสองก็ได้เอาพระภิกษุรูปนี้ไปลงโทษ เมื่อถึงสถานที่ลงโทษ ยมฑูตก็ดึงจีวรของพระภิกษุรูปนี้ออก หน้าตาของพระภิกษุแสดงถึงความตกใจและหวาดกลัว และยมฑูตก็ได้ผลักพระภิกษุล้มนอนลงบนพื้นดิน พร้อมกับพูดว่า “มึงทำอย่างที่มึงเคยทำ”
ภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็ได้กระทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ทางด้านซ้ายมีสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง ตัวสูงเหนือเข่าเล็กน้อย ขนสีน้ำตาล ตาสีมันวาว ท่าทางดุร้าย มันได้วิ่งเข้ามากัดอวัยวะเพศของพระภิกษุรูปนั้น
“โอ้ย ๆ กลัวแล้วครับ ผมกลัวแล้วครับ”
พระ ภิกษุรูปนั้นร้องด้วยเสียงอันดัง พร้อมกับดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ที่ใบหน้ามีน้ำตาไหลออกมา สุนัขได้กัดอวัยวะเพศของพระภิกษุรูปนั้นจนแหลก และยมฑูตก็ได้นำสุนัขตัวนั้นไป
ต่อจากนั้น ยมฑูตก็ได้นำพระภิกษุรูปนี้ไปยังที่แห่งหนึ่ง แล้วผลักพระภิกษุล้มลงบนพื้น ข้างหน้าของพระภิกษุรูปนี้ มีแสงรัศมีสว่าง สีน้ำตาลแผ่ออกมารอบ ๆ เมื่อรัศมีของแสงได้ส่องมาถูกตัวของพระภิกษุ พระภิกษุรูปนี้ก็ได้ดิ้นทุรนทุรายเหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และร้องครวญครางอย่างโหยหวน เมื่อผมเพ่งไปในใจกลางรัศมีนั้น ก็มองเห็นเป็นผลึกสีชาก้อนใหญ่ วางอยู่บนหิน
ผมไต่ถามจากยมฑูตว่า ทำไมพระรูปนี้ จึงต้องรับกรรมในลักษณะนี้
ยมฑูต ได้เล่าให้ผมฟังว่า พระภิกษุรูปนี้ ไม่ปฏิบัติตามวินัยสงฆ์ ต้องอาบัติ จึงได้รับกรรมเช่นนี้
การ ลงโทษพระภิกษุยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้ ยมฑูตได้นำพระภิกษุเดินตรงไป สภาพข้างหน้าที่ปรากฏ เป็นบ่อน้ำกรดหลายบ่อ ผมมองเห็นผีอยู่ในบ่อมากมาย
ยมฑูตได้ทิ้งตัวพระภิกษุลงกับพื้น แล้วสั่งให้ พระภิกษุรูปนั้น เอามือแช่ลงไปในบ่อ
“มึงเอามือลงไปแช่ในบ่อเดี๋ยวนี้ ” ยมฑูตสั่งด้วยเสียงที่ดุและเฉียบขาด
ผม ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังอยู่ทั่วบริเวณนั้น วิญญาณเหล่านั้นกำลังถูกยมฑูตลงโทษ บางตัวที่เอามือแช่ลงไปในบ่อได้รับความเจ็บปวด ร้องออกมาเสียงดังและโหยหวน ตาเหลือก หน้าตาบูดเบี้ยว เนื้อที่ติดอยู่กับกระดูกก็ละลายไปกับน้ำกรด เหลือแต่กระดูกสีขาวโพลน พระภิกษุรูปนี้รับผลกรรมที่ได้นำเงินอันเป็นทรัพย์สินที่ประชาชนบริจาคให้ กับไว้ไปใช้ส่วนตัว จึงต้องได้รับกรรมเช่นนี้
ความเจ็บปวดที่วิญญาณนั้น ได้รับ เสียงร้องที่ดังโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มีสภาพทุกขเวทนา เป็นผลกรรมที่จะต้องได้รับ เป็นกรรมที่ตนเองได้กระทำขึ้นมาทั้งสิ้น
จากนั้น ยมฑูตก็ได้นำวิญญาณพระภิกษุรูปนี้ มาอยู่ตรงหน้าผม สภาพของพระภิกษุรูปนี้เหมือนซากศพเดินได้ก็ไม่ปาน
ผมได้สอบถามพระภิกษุรูปนี้ ว่ามีความรู้สึกเช่นไรที่ได้รับผลกรรมอย่างนี้ในนรก
“มัน สุดแสนจะทรมาน ข้าวก็ไม่ได้กิน ได้กินแต่ขี้วันละ 5 ขัน ไม่กินก็ไม่ได้ ยมฑูตก็บังคับ” พระภิกษุเล่าให้ผมฟังด้วยสภาพร้องไห้น้ำตานองหน้า
ผมได้จดจำเรื่องราวต่าง ที่ได้พบในครั้งนี้เอาไว้ และได้อธิษฐานจิต “ขอแบ่งบุญให้แก่วิญญาณพระภิกษุรูปนี้ด้วย” 










image

   เยี่ยมนรก
  
 เยี่ยมเมืองนรก โดย หลวงตาแพรเยื่อไม้  ...  อ่านต่อ..

   ตายแล้วฟื้น
    
ตายแล้วฟื้น เรื่องเล่าที่ควรศึกษา เพื่อการดำรงค์ชีพ ...  อ่านต่อ..




พระมาลัย เยี่ยมเมืองนรก

ณ ตามพปัณณิทวีป ซึ่งปัจจุบันคือเกาะลังกา มีพระเถระองค์หนึ่งชื่อ "พระมาลัย" ท่านเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ มีบุญญานุภาพ และฤทธิ์เดชเกริกไกร มีเกียรติคุณแผ่ไพศาล เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในทวีปนี้

พระมาลัยอาศัยบ้านกัมโพชะ ซึ่งเป็นชนบทเล็กๆ เป็นที่โคจรบิณฑบาต และอยู่จำพรรษามาเป็นเวลาช้านาน ท่านมีอุปการคุณแก่บรรดามนุษย์ ในหมู่บ้านแห่งนี้มาก โดยนอกจากจะเป็นเนื้อนาบุญให้ชาวบ้าน ได้ทำบุญสุนทานกันแล้ว ท่านยังเข้าฌาณสมาบัติชำแรกแผ่นดินไปเมืองนรกบ่อยๆ และทุกครั้งที่ท่านไปถึง ท่านจะสำแดงฤทธิ์บันดาลไฟที่กำลังลุกโชนโชติช่วง เผาไหม้บรรดาสัตว์นรกอยู่อย่างบ้าคลั่งนั้นให้ดับ พร้อมกับให้ฝนเทลงมาตกต้องร่างแสนจะร้อนเร่าจนเกือบจะสุกเกรียมของสัตว์ผู้ยาก เป็นการใหญ่ ขณะเดียวกัน ก็บันดาลลมให้กระพือพัดต้นงิ้วและภูเขาไฟ รวมทั้งอีกาปากเหล็กทั้งหลาย ให้กระจัดกระจายพลัดพรายไปจนหมด เสร็จแล้วบันดาลให้น้ำที่กำลังเดือดพล่านในกระทะทองแดง กลายเป็นน้ำเย็น และมีรสหวานปานน้ำผึ้ง ให้พวกสัตว์นรกเหล่านั้นได้ดื่มกินกันอย่างสำราญ ต่อจากนั้นก็แสดงธรรมโปรดให้เป็นที่เอิบอาบซาบซึ้งใจทั่วกัน พวกสัตว์นรกทั้งหลายเมื่อได้ฟังเทศน์จบแล้ว ต่างพากันยกมือไหว้แล้วร้องสั่งท่านว่า
 

"พระคุณเจ้าขอรับ ได้โปรดเวทนาพวกข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระคุณเจ้ากลับไปถึงโลกมนุษย์แล้ว ขอได้แวะไปบ้านนั้น เมืองนั้น บอกญาติของข้าพเจ้าชื่อนั้น ให้เร่งทำบุญ แล้วอุทิศส่วนบุญมาให้ข้าพเจ้าด้วยเถอะ ข้าพเจ้าจะได้พ้นกรรมเร็วๆ เจ้าข้า"
 

ฝ่ายพระมาลัยครั้นกลับมาถึงโลกมนุษย์ ก็นำความตามที่สัตว์นรกพวกนั้นสั่งมาบอกแก่ ญาติ พี่ น้อง ตามตำบลที่ระบุไว้ทุกประการ บรรดาญาติ ครั้นได้ฟังท่านบอก ก็ทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศลไปให้ โดยไม่รั้งรอ สัตว์นรกผู้เสวยกรรม เมื่อได้อนุโมทนาส่วนกุศลแล้ว ก็พ้นกรรมไปเกิดบนสวรรค์ เสวยสมบัติทิพย์เป็นที่สำราญในทันที.......


ตายแล้วฟื้น

                                               เรื่องเล่าจากเรื่องจริง

ตายแล้วฟื้น เรื่อง ตายไป 15 วัน แล้วฟื้น - โดย พระวรญาณ-1
ตายแล้วฟื้น เรื่อง ตายไป 15 วัน แล้วฟื้น - โดย พระวรญาณ-2
ตายแล้วฟื้น เรื่อง ตนเฉียดนรก - โดยคุณพัชรินทร์ บูรีจิตต-1
ตายแล้วฟื้น เรื่อง ตนเฉียดนรก - โดยคุณพัชรินทร์ บูรีจิตต-2
ตายแล้วฟื้น เรื่อง ตายแล้วไปไหน ตอนที่ 1 - โดย พันเอกเสนาะ
ตายแล้วฟื้น เรื่อง ตายแล้วไปไหน ตอนที่ 2 - โดย พันเอกเสนาะ
ตายแล้วฟื้น ตอน โกเดี้ยนไปเมืองผี
ตายแล้วฟื้น ตอน เด็ก 12 ขวบท่องนรก สวรรค์
ตายแล้วฟื้น ตอน พยาบาลสาวตายแล้วฟื้น
ตายแล้วฟื้น ตอน นางบุญชู ศรีผ่อง ท่องนรก



ตายแล้วฟื้นของคุณครูบุญชูบันทึกสภาพเมืองนรก

วันนั้นเป็นวันที่ ๕ ก. พ ๒๔๙๕ ฉันได้ไปทำกิจวัตรประจำวันของฉันคือเป็นครูน้อยประจำโรงเรียนประชาบาล ต. สามโก้ ๔ (วัดมงคลธรรมนิมิตร) อ.วิเศษไชยชาญ จ. อ่างทอง ตามปกติ แต่วันนั้นเป็นวันที่ฉันรู้สึกเกียจคร้าน ไม่มีกำลังใจที่จะสอนเด็กประกอบกับความง่วงผิดปกติ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ไปอดนอนที่ไหนมา แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบทำให้ฉันง่วงนอนอยากจะหลับ เป็นเหตุทำให้จิตใจของฉันไม่เป็นปกติ แต่ฉันก็ทนสอนต่อไปจนหมดเวลา ๑๕.๑๕ น. ซึ่งเป็นวันเวลาเลิกทำการสอน

พอปล่อยเด็กกลับบ้านแล้วฉันก็เดินมาบ้านซึ่ง***งจากโรงเรียนประมาณ ๓ เส้นเศษ ฉันมาถึงบ้านก็ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว และปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน คือหุงข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน อาบน้ำ ตนเองและบุตร เมื่อเสร็จงานบ้านแล้ว ฉันก็นำเสื่อมาปูและนอนเล่นกับบุตร ๒ คน ในขณะนั้นเวลา ๑๖. ๓๐ น. เศษต่อมาฉันก็หลับไปเมื่อไรไม่ทราบมารู้สึกตัวต่อเมื่อตัวของฉันเองมายืนอยู่ใต้ร่มไม้ มีร่มมะพร้าว ขนุน มองดูสวยงามมาก มะพร้าวและขนุนกำลังมีผลดก แต่ก็ไม่ทราบว่าที่ฉันยืนอยู่นี้เป็นที่ใด

ฉันมองไปรอบ ๆ ตัวบังเอิญสายตามองไปบนถนนสายหนึ่ง ยาวเหยียดไปข้างหน้า ด้วยความอยากรู้ฉันยกเท้าจะขึ้นไปเที่ยวถนนสายนั้น  แต่ยังมิทันที่เท้าของฉันจะถูกพื้นถนนก็ต้องสดุ้ง เพราะได้ยินเสียงพูด แต่เสียงดังเหลือเกิน ดังคล้ายตวาด มาจากทางข้างหน้าของฉันว่า “ อ้อ...บุญชู เหมอะเลยมาเถิด นายให้มารับ ถึงเวลาแล้ว ” ฉันได้ยินดังนั้นก็บอกเขาไปว่าไม่ไปหรอก พร้อมกับผละวิ่งหนีทันที

แต่ชายทั้งสี่คนก็เดินตามและพูดว่า “ ถึงเวลาแล้ว ไม่ไปไม่ได้ ” ฉันก็หันไปบอกเขาว่า “ ลุงไปบอกนายเถิดว่า ฉันผัดไปก่อน ฉันยังไม่ไปไหนหรอก ” แต่เขาก็ตอบมาอีกว่า “ผัดกับข้าไม่ได้ เอ็งต้องไปผัดเอง” เมื่อหมดหนทางเลี่ยงฉันจึงบอกว่า “ ถ้าเช่นนั้นต้องคอยก่อน ฉันต้องไปบอกคนทางบ้านเสียก่อน เพราะที่มาเที่ยวนี้ไม่มีใครรู้ ” แล้วฉันก็เดินมาหน้าบ้านและเดินเข้ารั่วบ้านขึ้นบันไดไป ก็พบว่าบนบ้านสว่างไปด้วยตะเกียงเจ้าพายุและมีชาวบ้านมานั่งกันอยู่เต็มบ้านพร้อมทั้งร้องไห้ ฉันขึ้นบันไดได้ก็ผละวิ่งจากตรงบันไดไปหาสามีของฉัน ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆหมอ ฉันเสียหลักสะดุดชายเสื่อล้มลงไป

เมื่อฉันลุกขึ้นมา ชาวบ้านใกล้เคียงที่มานั่งอยู่บนบ้านข้าง ๆ ฉันนั้นต่างพากันถอยหนีไปรวมกันอยู่หน้าครัวหมดและต่างก็ชิงกันถามว่า “ ครูฟื้นแล้วหรือ ครูไม่ตายหรือ ครูไม่ได้หลอกพวกฉันไม่ใช่หรือ” ฉันก็บอกพวกนั้นว่า “ อย่ากลัวฉันเลย ฉันอยากจะพูดอะไรด้วยสักหน่อย แล้วก็จะไปเพราะเขามารับฉันแล้ว ฉัน อยู่ไม่ได้ฉันยังไม่อยากตาย ขอผัดเขา เขาไม่ยอมบอกให้ไปผัดกับยมบาลเองฉันจึงจะต้องไป และฉันขอร้องด้วยขอให้เก็บศพฉันไว้ ๓ วันก่อน ถ้าไม่กลับหมายความว่าเขาไม่ยอม จึงค่อยเผา”

พอดีได้ยินเสียงสุนัขหอนขึ้นและได้ยินเสียงเรียก ฉันจึงบอกว่า “ โน้นเขาเรียกเร่งมาแล้ว ฉันไปล่ะ ลาก่อนทุก ๆ คน ” นายเจ๊กที่เป็นหมอแกจึงเอาธูปเทียนมาให้ฉัน และบอกว่า “ พระอรหํ พระอรหํ” ตอนนี้ฉันเกือบจะหมดสติแล้ว รับคำพระอรหํได้สองครั้งก็หมดสติวูบไป มาารู้สึกตัวว่าตัวของฉันเองได้เดินอยู่บนถนนสายนั้นเสียแล้ว

ในระยะที่ฉันฟื้นและตายไปใหม่นี้คือฟื้นตอนประมาณ ๒๒. ๐๐ น. และตายไปใหม่ประมาณ ๒๒ . ๐๖ น. ตลอดทางที่เดินไปนั้นฉันอยู่ตรงกลาง มีคนขนาบข้าง ๒ คน เดินมาพักใหญ่จึงมาพบโต๊ะตั้งข้างทางเดินมีอาหารหลายชนิดตั้งอยู่บนโต๊ะ มีเหล้า ข้าว หมู ไก่ ขนมจีนน้ำยาและขนมอีกหลายชนิดคนทั้งสี่ตรงเข้าไปที่โต๊ะและเรียกฉัน “บุญชูยังไม่ได้กินข้าว มากินเสียซิ”

ฉันก็ตรงเข้าไปกินกับเขา เมื่ออิ่มแล้วก็ถามเขาว่า “ ของใครนี่เรามากินของเขาไม่ว่าเอาหรือ ” คนที่มีท่าทีว่าจะเป็นหัวหน้าบอกฉันว่า “ ไม่มีใครว่าหรอกเพราะเขาเซ่นผี ไว้อีกสองวันข้าจะกลับมาเอา” ฉันถามว่าบ้านใครเล่า เขาบอกว่า “ โน้นไงเล่า บ้านนางหล่ำ หัวตะพานเขาทำบุญต่ออายุไว้

อีกสองวันเถิดข้าจะมาเอาตัวไป” ฉันมองตามมือก็เห็นบ้านหลังนี้อยู่ข้าง ๆ บ้านมีลูกกรงสีเขียวต่อจากบ้านนางหล่ำมาอีกพักใหญ่ จึงพบขบวนคนยืนอยู่สองฟากถนนต่างไชโยโห่ร้องรับฉัน และร้องบอกกันว่า “ พวกเรามาอีกคนแล้วโว้ย ”ฉันบอกกับเขาว่า “ ฉันไม่มาเป็นพวกแกหรอก ” พวกนี้ส่วนมากไม่นุ่งผ้ากันเลย

จากพวกนี้ไปก็ถึงสวนดอกไม้ใหญ่ ดอกสวยมากเป็นทองคำทั้งดอก ใบสีเขียวเป็นมันเหมือนมรกต ฉันตรงเข้าไปจะเก็บก็ถูกห้ามไม่ให้เก็บ เขาบอกว่าถ้ายังอยากจะกลับละก้ออย่าเก็บ ถ้าเก็บแล้วเอ็งจะกลับไม่ได้ ฉันต้องเดินผ่านมาด้วยความเสียดาย

เดินพักใหญ่ก็พบลานกว้างมีต้นไทรขนาด ๒ คนโอบ มีแท่นหินและโต๊ะหินอยู่โคนต้นไทร มีชายคนหนึ่งตัวดำ ผมหยิกตาพอง รูปร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนแท่นหินนั้น ชายทั้งสี่และฉันเดินมาถึงตรงนี้ ก็ถูกเรียกว่า “ เฮ้ย .. พามาตรงนี้ซิ มาถามไถ่กันดูก่อน อีนี่ดื้อนักเรียกไม่ค่อยจะมา ” ฉันและชายทั้งสี่จึงเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าพอเงยหน้าขึ้นดูก็รู้สึกดีใจว่ายมบาลคนนี้รูปร่างเหมือนนายสิงห์หมี ผู้ใหญ่บ้านที่รู้จักกัน

จึงถามว่า “ อ้าว ..ตาเชย มาเมื่อไรเล่า ? ” แต่กลับตวาดว่า “ เชย..เชยอะไร เอ็งรู้จักข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ” ทำให้ฉันเงียบเสียงทันที แต่ยังนึกสงสัยว่า ยมบาลนี้ถ้าไม่ชื่อเชย ทำไมรูปร่างเหมือนผู้ใหญ่เชยจริง ๆ คล้ายกับจะเป็นลูกฝาแฝดทีเดียว แต่ยมบาลตัวใหญ่มาก ฉันจะพูดกับยมบาลต้องแหงนหน้า ฉันยืนอยู่ตรงหน้าคล้ายกับเอาลูกหนูไปยืนอยู่ตรงหน้าวัว ตัวเขือง ๆ ทีเดียว

ต่อไปยมบาลถามฉันว่า “ เอ็งทำไมดื้อนัก ..ข้าให้คนไปรับยังวิ่งหนี ” ฉันตอบไปว่า “ ฉันห่วงลูก เพราะลูกยังเล็กอยู่ ” คราวนี้ยมบาลสดุ้งทันทีร้องว่า “ อ้าว ..พวกมึงทำไมทำ***อย่างนี้เล่า ผิดตัวเสียแล้ว อีนี่มันไม่มีลูกนี่หว่า ” เสร็จแล้วก็ไปพลิกบัญชีดูและบอกว่า “ อีคนนั้นชื่อบุญชู จิตทอง บ้านต้นโพธ์ หมู่ ๑ จ.สิงห์บุรี ตายเวลาตีหนึ่งครึ่ง เป็นไข้ทับระดูตาย อีนี่ตายตั้งแต่ห้าโมงเย็น เป็นลมตาย ไม่ใช่ ๆ ผิดตัว

เอ็งจัดแจงเตรียมตัวไปเอาอีคนนั้นมา ” พอสี่คนนั้นเตรียมตัวไปยมบาลก็หันหน้ามาบอกฉัน “ จะดูอะไรก็ดูเลย ประเดี๋ยวจะให้เขาเอากลับไปส่ง ” ฉันจึงเดินดู พบชายคนหนึ่ง ซึ่งฉันเคยรู้จักชื่อนายเปรื่อง ถูกตัดนิ้วมือด้วนกุดหมด ถามได้ความว่าชอบยิงนกในวัด

บางคนก็เคยทุบหัวควายก็ถูกล่ามโซ่และถูกเชือดเนื้อเสียงร้องอู้ ๆ น่ากลัวมาก ฉันมองดูด้วยความหวาดเสียว เมื่อฉันเดินออกมายมบาลก็โยนบัญชีมาให้ฉันดู ในบัญชีนั้นมีหนังสือตัวใหญ่ ๆ แผ่นกระดาษใหญ่เท่ากับแผ่นกระดานดำที่สอนเด็ก ฉันมองดูมีชื่อคนมาก

แต่ฉันพยายามจำแต่คนที่ฉันรู้จักจำมาได้ดังนี้คือ (๑) นางบุญชู จิตทอง ตีหนึ่งครึ่ง ไข้ทับระดู ๕ ก.พ. ๒๔๙๕ (๒) นางหล่ำ ๗ ก.พ. ๒๔๙๕ (๓) นางฉาย บุญวงศ์ ๔ มี. ค. ๒๔๙๕ (๔) นานแม่น ทองสติ ๔ ก. ค. ๒๔๙๕ (๕) นายปลอด สีสิงห์ ๔ ก.พ. ๒๔๙๗ (อีกสองปี)

ฉันเปิดขอดูอีกแต่เขาไม่ยอมให้เปิด เขาบอกว่า “ เอ็งหมดสิทธิ์ที่จะเปิดแล้ว เอ็งเป็นคนใจบุญเปิดดูไม่ได้หรอก เดี๋ยวไปเที่ยวบอกเขาหมด เมื่อก่อนนี้เอ็งเป็นคนทำบัญชีให้ข้า ข้าคิดถึงเอ็ง อีกห้าปีข้าจะให้ไปรับเพราะเอ็งจะลำบากอีกมาก ” ฉันบอกว่า “ อีกห้าปีฉันไม่มาหรอก ” ยมบาลหัวเรอะแล้วพูดว่า “ เอ็งอยากลำบากก็ตามใจเอ็ง แต่ถ้าเอ็งไม่มาเอ็งต้องบวชลูกให้ข้า ข้าก็ไม่ไปรับเอ็ง  แต่ข้าจะให้คาถาเอ็งไว้ป้องกันตัวบทหนึ่ง เอ็งพยายามท่องอยู่เสมอ อันตรายและความลำบากจะลดน้อยลงไป คาถานี้เอ็งบอกให้ทั่ว ๆ ไปเถิด เพราะต่อ ๆไปในเมืองมนุยษ์จะยุ่งกันใหญ่ เอ็งคอยจำนะข้าจะบอกให้ ” แล้วเขาบอกว่า “ ก่อนท่อง ตั้งนะโมสามจบเสียก่อนนะแล้วท่อง จะออกจากบ้านหรือจะนอนนะท่องอยู่เสมอ ๆ จะคุ้มภัยเอ็งได้ ”

             ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ
                จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ

ฉันจำไว้เพื่อนำมายังมนุษย์โลกต่อไป และก็เป็นที่น่าแปลกว่า ฉันได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็จำได้และก็พอดีเขานำบุญชู จิตทองมา บุญชูคนนี้กับฉันรูปร่างเหมือนกันมาก ฉันได้ยินเสียงยมบาลดุบุญชูว่า “ เอ็งนี่จะตายแล้วยังก่อเวรไปลักพุทราเขามากินและผิดสำแดงพุทราจึงตาย ” แล้วเขาสั่งให้ตีบุญชู ฉันรู้สึกกลัวจริง ๆ เมื่อบุญชูคนโน้นถูกตีด้วยหวายแล้ว ยมบาลก็สั่งให้ชายทั้งสี่นำฉันมาส่ง

พอมาถึงหน้าบ้านฉันเข้าบ้านไม่ได้เพราะล้อมสายสิญจน์และซัดข้าวสารไว้ จนกระทั้งคนที่ท่าทางคล้ายกับเป็นหัวหน้าแกจึงจับฉันเหวี่ยงโครมขึ้นมาบนบ้านทำให้บ้านไหวยวบ คนหนีกันหมดเหลือแต่ลูกสาวฉันได้อายุได้สี่ปี นั่งอยู่และถามฉันว่า “ แม่ไม่ตายหรือ ..” พอบอกว่าไม่ตายหรอก จึงได้เรียกคนขึ้นมาบนบ้าน ฉันรู้สึกใจหาย เพราะตอนที่ฟื้นมานี้เป็นเวลา ๐๘. ๐๕ น. เศษ และต่อโลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกชาวบ้านและพระขอร้องให้ฉันเล่าให้ฟัง ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีฉันก็นำมาเล่าให้ชาวบ้านและพระฟังจนหมด

และต่อมาเมื่อวันที่ ๗ นางหล่ำตาย วันที่ ๔ มี.ค. นางฉายตาย วันที่ ๔ ก.ค. นายแม่นตาย ต่อมาคนสุดท้าย นายปลอด สี่สิงห์ กำหนด ๒ ปี พอครบพอดีก็ตาย แต่ก่อนตายแกไปเที่ยวขุดละลายหัวคนที่แกเคยรุกที่เขาคืนให้เจ้าของหมด

ต่อมานายคนหนึ่งทางห้วยคันแหลม ( ต. ห้วยคันแหลม ) ได้สั่งลูกหลานไว้หลังฉันฟื้นมาแล้ว “กูตายไปละก้อ มึงเอาขวานใส่โลงไปให้กูด้วยกูจะเอาขวานไปโค่นต้นงิ้วในนรก” พอตาย ลูกหลานก็เอาขวานใส่โลงไปให้จริง ๆ ต่อมาแกกลับมาเข้าทรงเด็ก ๆ ให้ไปขุดขวานขึ้น แกบอกว่า “ ไม่ไหวละ มันเอาขวานทุบหัวเสียอีกด้วยซี แทนที่จะเอาขวานไปโค่นต้นงิ้ว” ในที่สุดพวกลูกต้องไปขุดเอาขวานขึ้น ”

** ทั้งหมดนี้เป็นบันทึกของนาง บุญชู ศรีผ่อง **


หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ตายแล้วฟื้น หมวด » ชีวิต ความรัก สุขภาพ » ไลฟ์สไตล์

เรื่อง การตายแล้วฟื้น ของตาแคล้ว ทายกของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นเรื่องจริงที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) บวชใหม่ๆ ตาแคล้วตายไป ๘ ชั่วโมง ฟื้นขึ้นมาก็มาเล่าเรื่องชีวิตหลังความตาย ให้หลวงพ่อฟัง มีหลายอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยทำบุญด้วยน้ำครับ ความจริงเรื่องน้ำนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท จะเล่าเรื่องสู่กันฟังสักเรื่องหนึ่ง เรื่องการเทศน์ญาติโยมก็ฟังกันมามากแล้วนะ เอาเรื่องจริงๆ ในสมัยที่อาตมา ยังไม่ตาย เวลานี้ก็ยังไม่ตายยังคุยอยู่ จะเล่าเรื่องของคนที่ตายไปแล้ว แต่ว่าสมัยนั้นท่านกลับฟื้นขึ้นมา คือตาแคล้ว ตาแคล้วนี่เป็นทายกของ หลวงพ่อปาน เป็นนักบุญอย่างตาหง่านี่ เวลามะยังภันเต อย่างตาหง่านี่ แหละ นำอาราธนาศีล ถวายทาน เพราะเสียงดีมากคล้ายๆ กัน แต่ตาแคล้ว ชอบทำบุญทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าบุญ ทำทุกอย่างที่หลวงพ่อปานแนะนำ เว้นไว้อย่างเดียวคือไม่ได้ทำบุญด้วยน้ำ ข้าวใส่ ขนมใส่ อะไรก็ตามทึ่ชอบ ใจทำบุญหมด แต่ไม่ได้ใส่น้ำ ต่อมาในว้นหนึ่งฉันบวชแล้วตาแคล้วแกตาย แกตายไปประมาณ ๘ ชั่วโมง ก็ฟื้นขึ้นมา ตอนนี้แกก็เล่าเรื่องของความตาย บอกว่าขณะที่จะตายมีคน ๔ คนมารับ ทั้ง ๔ คน นุ่งกางเกงแดง ใส่เสื้อแดง โพกหัวแดง มาถึงบอกว่า แคล้ว ถึงเวลาแล้ว ไปเถอะไปด้วยกัน แกบอกว่าคำสั่งของเขามีอำนาจมาก ไม่สามารถจะต้านทานได้ ก็ต้องเดินตามเขาไป พอเขานำไปสำนักพระยายม พระยายมก็บอกว่า คนที่ไปเอาน่ะชื่อแคล้ว แต่ว่าหัวไม่ล้าน แต่ไอ้แคล้วนี่ หัวมันล้าน มันคนละคนกันเอามาผิดตัว ก่อนที่จะนำมาส่ง พระยายมก็บอกว่า ประเดี๋ยวก่อน เวลายังไม่ถึงยังไม่สว่างไม่เป็นไร เขายังไม่จัดการศพ พามัน ไปดูก่อน มันทำบุญไว้มาก เขาก็พาไปดูวิมานของตาแคล้ว วิมานน่ะสวยมาก ข้าวของในที่นั้นมีเยอะ ทุกอย่าง อาหารการบริโภคที่ทำไป ขนมก็ดี แกงก็ดี กับข้าวก็ดี ข้าวปลาก็ดี ทั่งหมดมีเต็มเพียบไปหมดในห้องอาหาร ขาดแต่น้ำอย่างเดียว แกมีความ รู้สึกอยากน้ำมาก อยากจะดื่มน้ำ แกก็ชะโงกหน้าไปดูวิมานข้างๆ เห็นวิมานข้างๆ มีเจ้าของเป็นผู้หญิง ในวิมาน ของเขามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยม น้ำใสสะอาดมาก ก็ยกมือไหว้เป็นประเพณีของแก แกเห็นคนแกก็จะต้องยกมือไหว้ และบอกว่า "แม่คุณ ขอน้ำดื่มสักอึกเถอะจ๊ะ" เจ้าของวิมานตอบยังไงทราบไหม ท่านบอกว่าที่นี่ไม่มีการแบ่งให้กัน เมื่อไม่ ทำมาก็อย่าแดก ตาหง่าฟังให้ดีนะ เมื่อไม่รู้จักทำบุญด้วยน้ำก็จงอย่าแดก ที่นี่ไม่มีการแบ่งกัน ของใครของมัน ตาแคล้วเจ็บใจ บอกคนที่นำไปบอกรีบ ไปส่งเถอะ อยากน้ำเหลือเกิน พอกลับมา พอฟื้นขึ้นมา แกเล่าความเป็นมาให้ทราบ ต่อมาแกก็ถามฉันว่า ท่านจะไปสร้างถังน้ำที่ไหนบอกผมด้วยนะครับ ถามว่าทำไม ผมอดน้ำน่ะซิ บ้านผม(วิมาน) ไม่มีน้ำ ก็เป็นอันว่าเวลาจะสร้างถังน้ำให้แก่วัด ตาแคล้ว ก็ร่วมด้วยหนึ่งพันเสมอ และถ้าไปใหนด้วยกันก็ตามทีเถอะ เราขึ้นไปบนวัด ไปหาเจ้าอาวาส แต่ตาแคล้วแกไปดูตุ่มน้ำ เห็นตุ่มน้ำพร่องก็จ้างเด็กตักน้ำ ใส่ทันที ฉันเข้าใจว่าถ้าตายไปคราวหลังนี่ตาแคล้วจมน้ำตาย เพราะน้ำ มันมากเกินไปนะ ก็เป็นอันว่าวันนี้แปลก ยกทรงเขาถวายน้ำขวด ฉันคิดว่าบรรดาญาติโยม พุทธบริษัท ที่ถวายน้ำขวดนี่ตายไปแล้วจะมีขวดโบกขรณี ไม่ใช่สระ ขวดปากมันเล็กลงอาบไม่ได้ ก็รวมความว่าการบำเพ็ญกุศล บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ผลบุญจริงๆ ย่อมได้ในปัจจุบัน แต่เราอาจจะไม่ได้สังเกตกัน เพราะอะไร เพราะว่าผลของบาปมันมีมาก คำว่าบุญกับบาป บาปนี่เขาแปลว่าความชั่ว บุญเขาแปลว่าความดี บางรายก็วันพระหนึ่งทำบุญครั้งหนึ่ง แต่หลายๆ ราย ก็ทำบุญทุกวัน อย่างเช้าใส่บาตรกับพระ และบูชาพระ นี่ก็เป็นการทำบุญ และไอ้บาปที่มาริดรอนเรา อย่างยุงอย่างมดเป็นต้น บี้มดตายมันก็บาป ตียุงตายมันก็บาป บาปมันมากจึงให้โทษเป็นทุกข์ จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๗ บทสรุปจากเรื่องตาแคล้วตายแล้วฟื้น สวรรค์-นรก เป็นสิ่งที่มีจริง และสามารถพิศูจน์ได้หลายวิธี ๑. ปฏิบัติพระกรรมฐาน มโนมยิทธิ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่วัดท่าซุง และบ้านสายลม แต่เมื่อไปฝึกแล้วฝึกไม่ได้ก็อย่าหาว่าไม่มีนะครับ เพราะคนที่เขาฝึกได้มีมากมาย ๒. ศึกษาจากเรื่องราวของคนที่ตายแล้วฟื้น ซึ่งมีมากมายหลายเรื่อง อย่างเช่นเรื่องการตายแล้วฟื้นของตาแคล้ว ทายกวัดบางนมโค และ ที่น่าจะศึกษาคือเรื่องการตายแล้วฟื้นของ พลโทสมาน วีระไวทยะ ครูบุญชู ศรีผ่อง จ.อ่างทอง ทั้งสองท่านนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี เคยพูดถึง อีกท่านที่เป็นข่าวโด่งดัง คือ พ.อ.เสนาะ จินตรัตน์ ๓. ศึกษาจากเรื่องราวของคนระลึกชาติได้ ๔. ที่แน่นอนที่สุดในตอนที่ท่านไปพิศูจน์ด้วยตนเอง ตอนตาย คนไม่เชื่อและ ปรามาสพระรัตนตรัย คงพิศูจน์ได้อย่างเดียวคือนรกภูมิ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เป็นคำที่คนที่ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์-นรก น่าจะนำไปพิจารณา โดยเฉพาะการลบหลู่ต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นการปรามาสพระรัตนตรัย โทษหนักนะครับ อย่าเชื่อ หรือ ปฏิเสธ อะไรในทันทีที่เราได้รู้ได้เห็น อย่างเรื่องสวรรค์ - นรก เรื่องกฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าเราปฏิเสธทันทีโดยไม่พิจารณา หาเหตุหาผล เราก็จะเสียโอกาสที่เราจะได้รับรู้สิ่งที่มีความสำคัญ ต่อชีวิต เพราะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตว่าเราจะเป็น สัมมาทิษฐิ หรือ มิจฉาทิษฐิ มันจะไปกันคนละทางนะครับ ระหว่างดำกับขาว ดีกับชั่ว บุญกับบาป และคนที่ไม่ค่อยจะเชื่ออะไรง่ายๆ ก็ถือว่าดีนะครับ เมื่อไม่เชื่อแล้วเราก็ควรจะ พิศูจน์ด้วยการหาเหตุหาผล จากการศึกษาในพระไตรปิฏก หรือสอบถามผู้รู้ แล้วนำข้อมูลมาพิจารณา แต่การจะมาพิจารณาหาเหตุหาผลจากสิ่งที่มองไม่ เห็นก็คงจะเกินวิสัยที่จะคิดเองพิจารณาเองได้อย่างถ่องแท้ ก็ต้องใช้เครื่องมือ ถ้าในทางโลก ยังมีสิ่งที่เรามองไม่เห็นอีกมากมาย ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เชื้อโรค พวกไวรัสต่างๆ ที่คนทั่วไปยอมรับว่ามีจริงแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้เครื่องมือช่วยคือกล้องจุลทัศน์ แต่เครื่องมือในทางธรรมก็พิศูจน์ด้วยการปฏิบัติ ทำสมาธิจนจิตเราเข้าถึง อุปจารสมาธิ จิตเริ่มเป็นทิพย์สามารถเห็นสิ่งต่างๆ ที่ตาเนื้อมองไม่เห็นได้ เช่น สัมพเวสี โอปปาติกะ ทิพย์จักขุญาณนี้ได้แค่เห็นนะครับ ยังไปดูด้วย ตัวเองไม่ได้ ถ้าจะไปดูภพภูมิต่างๆ ด้วยตนเองต้องฝึกกรรมฐานในแนว มโนมยิทธิ ถ้าฝึกได้ก็สามารถใช้จิต หรืออทิสมานกายไปพิศูจน์สิ่งที่เราสงสัย ในเรื่องภพภูมิต่างๆ นรก สวรรค์ พรหม และพระนิพพาน ขอเชิญทุกท่านได้โมทนาบุญผ้าป่า ๓ กองบุญร่วมกันครับ http://board.palungjit.com/showthrea...=158315&page=3 ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง เพียงท่านแวะชมและโมทนาท่านก็จะได้บุญได้กุศลตามกำลังใจของแต่ละท่าน

วิญญาณยายทองก้อนขอส่วนบุญ

ณ มูลนิธชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

เมื่อวันจันทร์ที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๕ เวลาประมาณ ๑๐ โมงเศษ มีวิญญาณตนหนึ่งมาอาศัยร่างพุทธบริกรท่านหนึ่ง เพื่อจะมาบอกเรื่องราว ตอนมีชีวิตได้ทำบาปกรรมอะไรเอาไว้ เมื่อตายไปแล้วได้รับโทษจากนรกภูมิอย่างไรบ้าง

แต่เนื่องจากวิญญาณตนนี้เป็นวิญญาณที่หิวโหย อ่อนแรง มากไม่สามารถสนทนาได้รู้เรื่อง จึงให้ดื่มน้ำอมฤตพระแม่องค์ ธรรม เมื่อรู้สึกสบายตัวแล้วจึงได้เล่าเรื่องราวที่พบเห็นมาเพื่อเป็น อุทาหรณ์เตือนผู้ที่คิดจะทำความชั่วได้กลับตัวกลับใจเริ่มต้นสร้าง ความดีก่อนที่จะสายเกินไป

ยายชื่อ “ทองก้อน” ตอนที่มีชีวิตอยู่อาศัยอยู่แถวยางโพรง สมัยก่อนเป็นป่าทั้งนั้น แก่ตายตอนอายุ ๑๐๑ ปี ตอนนี้ยังต้อง ชดใช้กรรมอยู่ในนรกขุมที่ ๕ ชดใช้กรรมอยู่ในนรกเป็นเวลาประ มาณ ๗๐-๘๐ ปีแล้ว

ยายมาที่นี่เพราะต้องการมาดูลูกหลาน ที่ไม่บำเพ็ญจริง ไม่ตั้งใจทำงานธรรมะ

ยายมาพร้อมเพื่อน ๒-๓ คน เพื่อนๆ ยืนอยู่ข้างรูปปั้นพระ โพธิสัตว์กวนอิม ได้รับอนุญาตพญายมแล้ว

เพื่อนยายที่อยู่ในนรกด้วยกัน เขาพูดธรรมะให้ฟังทั้งคืน เขาพูดว่า “ถูกลูกหลานลืมแล้วละ แก่และตายลงลูกหลานเดี๋ยว นี้ไม่คิดช่วยเหลือ ลูกหลานเขาไม่เข้าใจ เขาว่ายายยังอยู่หรือ ไปไหนแล้วก็ไม่รู้” ช่วยสร้างบุญให้ยายหน่อย ยายมาขอส่วนบุญ

วันที่ ๒๘-๒๙ กันยายน ๒๕๔๕ มีญาติธรรมที่มาเข้าชั้น เรียนพิเศษจื้อซั่นปันมี่จี๋ ซึ่งเป็นลูกหลานยายทำให้ยายมีโอกาสได้ ฟังธรรมะ ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ยายคนแก่แล้วลูก หูก็หนัก เขาพูดธรรมะ ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง

ข้างบน(สวรรค์) เขามีการจัดชั้นเรียน หมายถึงชั้นเรียน ของวิญญาณบาปจากนรก ที่พระชินปัญชรมหาราชจัดนำวิญ ญาณเหล่านั้นขึ้นไปกล่อมเกลาข้างบน เป็นครั้งแรกในเทศกาล โปรดสามโลก ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์สอนธรรมะขัดเกลาจิตให้ใสเบาขึ้น เมื่อจิตดีได้ระดับแล้ว เบื้องบนเมตตานำส่งขึ้นไปกล่อมเกลาบน ลานธรรมพระศรีอาริย์อีกรอบหนึ่ง ก่อนส่งมาเกิดในกายเนื้อเพื่อฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าศรีอาริย์ในวาระที่พระองค์มาครองกาย เนื้อเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของกัป

ยายขึ้นไปไม่ทันชั้นเรียนนี้ เขาปิดเสียก่อน เขาขึ้นไปวันที่ ๒๔,๒๕,๒๖ เหตุที่ขึ้นไปไม่ทันเพราะมีความรู้สึกว่าตัวมันหนักๆ ใครที่ตัวหนักๆ ไม่ได้ขึ้น ตัวเบาๆ ขึ้นไปได้ ชั้นเรียนนี้เขาเลิกตอน เที่ยงนี้

และยายหูก็หนักฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาประกาศไม่ค่อยได้ยิน พอเขาครบจำนวน เขาก็ปิด ยายขึ้นไม่ทัน ยายรู้สึกว่าตัวมันหนัก หนักตกลงมาอีก

ทางนรกเขาประกาศว่าให้ขึ้นข้างบน ลูกหลานจะมา สร้างบุญ เหมือนกับเรียนหนังสือ ยายไม่ได้ขึ้นไปเรียน ตัวหนักไปไม่ทันเพื่อน คนอื่นที่ไปเขาก็อยู่ขุมเดียวกับยายก็มีบ้าง เหมือนกัน มันแย่งกันขึ้นไปมากมาย ใครเร็วก็ได้ไป

พอยายไม่ได้ขึ้นเขาบอกว่าให้มาที่นี่(บนโลก)

ในอีกมิติหนึ่งที่วัดมีวิญญาณพวกเปรตทั้งนั้นมากินของเสีย คนอื่นเขาเอาไปหมด ยายเข้าไปไม่ถึงเลยอดกิน

ยายหิว ยายอด ยายนั่งข้างประตูวัด ไม่รู้ใครเรียกให้มาเป็น คนสวยๆ ไปเรียกมาที่นี่(สถานธรรม) แต่งตัวเหมือนลิเก นางฟ้า แต่งตัวเหมือนงิ้วก็มี องค์ที่หน้าแดงๆ เสียงดังตัวใหญ่มีพลัง มีดาบด้วย แต่คนหนุ่มพูดหวานไพเราะเรียกเบาๆ เหมือนผู้หญิง

เขาบอกว่ามาช่วยแล้ว ถ้าไม่ได้บุญที่นี่(วัด) ให้ไปเอาที่โน่น (สถานธรรม) ที่โน่นสวยเขาเรียกว่าวัดเหมือนกันแต่เป็นวัดบน สวรรค์ ให้มาที่วัดบนสวรรค์ก็คือที่ไท่ชุน ซึ่งก็เป็นสถานปฏิบัติ ธรรมก็ไม่ต่างไปจากวัด ที่นี่เราเรียกกันว่าวัดพระศรีอาริย์

พอเขาบอกยายว่าเป็นวัดบนสวรรค์ เขาก็พายายมา ตอนที่ มาเห็นสะพานทองสวยยายเดินขึ้นสะพาน เห็นคนที่สถานธรรม ใส่เสื้อชุดยาว บ้านก็สีขาวๆ ทั้งหมด ที่อื่นยายเห็นเขาแต่งชุดสีดำ! ชุดสีดำเหมือนผี ปีศาจ หน้าตาก็เหมือนผี ที่ยายเห็นในอีกมิติหนึ่ง เป็นเช่นนี้

ส่วนคนที่สถานธรรม ยายเห็นเป็นขาวหมด หน้าตาเป็นเด็ก มีแสงขาว บางคนยังดูดนม ถือขวดนมเดินอยู่ส่วนหลานยาย (หมาย ถึงลุงอีกคนที่มาเป็นนักเรียนในชั้นจื้อซั่นปันมี่จี๋ นั่งฟังอยู่ข้างๆ) นุ่งกางเกงเหมือนชาวประมงใส่เสื้อยังดำๆ หน้าตามีแสงนิดเดียว

ส่วนคนนี้(ยงยุทธ)แขนเสื้อด้านขวาขาดไปครึ่งหนึ่ง ข้างซ้าย ยาว เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่ามันทำบ้างหยุดบ้าง มันขี้เกียจ บางทีใส่ชุดยาว บางทีไม่ได้ใส่

เย็นนี้ยายก็ต้องกลับแล้ว กลับลงข้างล่าง(นรก)อีก (ในเมื่อ ยายทองก้อนมาขอบุญ เราก็จะให้บุญทุกวัน เอ่ยชื่อเวลากรวดน้ำ นะ ใส่ชื่อในใบกรวดน้ำส่วนรวมให้)

ยังมีวิญญาณมาขอบุญอีกมาก ไม่รู้เท่าไหร่

เดี๋ยวอีก ๒-๓ วัน ยายก็จะมาอีกไปสมัครไว้แล้ว (หมายถึงสมัครมาเข้าชั้นเรียนพิเศษ ที่กายเนื้อจัดขึ้นในวันที่ ๑๐ และ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ ในเทศกาลเดือน ๑๐ ส่งตายาย ที่ไท่ชุน) เขา อนุญาตพูดถึงก็ดีใจนะ

เมื่อวานตอนมืดๆ ที่พุทธบริกร และนักเรียนพุทธะเขา กินน้ำกัน ยายได้มากเลยขอบใจนะ สดใส บางคนร้องไห้ ปลื้มใจที่เขาเอ่ยชื่อให้ ได้รับร่วมกันทุกคนเลย วิญญาณบาง คนกินมูมมาม

วันหลังยายจะมาอีก ติดชื่อให้ด้วย เขียนข้างถาดเขียนชื่อติดไว้ตรงปากถาดเพื่อนจะได้ไม่ว่า ถึงยายอยู่ เขาก็จะแย่ง หมด ถ้ามีชื่อยายเขาจะหลีกทางให้ บังสุกุลที่อื่น บางคนสวดผิด สวดคำพระก็จริง แต่ใจไม่สงบ ใจนึกถึงผู้หญิงสวย ตาเขาดู แต่ผู้หญิง ใครที่ใส่สร้อยเส้นใหญ่ มันจ้องแต่ที่คอนั่นแหละ แล้วในใจก็คิดว่า ถ้ากูได้อย่างนั้นจะเอาใส่อวดสาวๆ จะหาแต่จะรวยแทนที่จะบำเพ็ญ พวกเจ้า(บุคลากรในสถานธรรม)ก็เหมือนกัน ข้าวของผลไม้ดีๆ ให้เขา ลูกที่เน่าให้พ่อแม่ บาปมากนะจำไว้ จำไว้พ่อแม่เลี้ยงเรามา เขาไม่รู้เป็นใคร มันกินแล้วก็นอน

สมัยยายไม่มีแบบนี้ สมัยยายคนดี มีการธุดงค์ถือศีลบริสุทธิ์ ยายเห็นมาหลายปี ทุกๆ ปีเป็นแบบนี้แหละลูก

ส่วนในเทศกาลอื่นเช่น ตรุษจีน ที่ได้ขึ้นมารับบุญก็อาศัย เขาบางครั้ง

วิญญาณบรรพชนที่มาในชั้นเรียนเมื่อวันที่ ๒๘-๒๙ กันยายนที่ผ่านมา ยายเห็นถือดอกบัว ดอกบัวสีทองอยู่ติดประตู และสีขาวปลายสีชมพูนิดๆ เหมือนดอกบัว ส่วนพวกที่ยืนข้าง สถานธรรมเป็นพวกผีเปรตเต็มไปหมด

ยายเข้าร่างนี้ได้ เพราะเขานั่งกินข้าวอยู่ เมื่อกี้เขาพูดอะไร กันก็ไม่รู้ เขาปวดหัว ยายเลยถือโอกาสเข้ามาใช้ร่าง

ยายมาที่นี่อยากจะกินลางสาด ๒-๓ ลูก กินข้าว ที่นี่มีแต่คนใจดีทั้งนั้น คนสวย สถานที่ก็สะอาดด้วย สวยไปหมด

ยายจะเล่าเรื่องสมัยตอนมีชีวิตอยู่ ยายได้ทำกรรมไว้มาก อาทิเช่น จับปู จับปลา จับเขียด จับกบ เอาทั้งนั้น ที่ปวดเอว เพราะตกเบ็ด แต่ก่อนยายชอบกินเนื้อควายยายกินทั้งนั้น ยาย ชอบเนื้อควายชอบมากกินเกือบทุกมื้อ สมัยก่อนเขาเอาข้าวไป แลกกัน แล้วเอาเนื้อมาหมักไว้เอามาตากแดดบ้างผัดเค็มบ้าง

ยายกินเนื้อควายต้องไปรับโทษในนรก “ไม่พูดแล้ว มันเจ็บ” เวรกรรมมันมีจริง ไม่อย่างนั้นยายพ้นขุมนรกมานาน แล้ว

คนที่กินเนื้อเขา เหมือนเชือดเนื้อตัวเองกิน เจ็บปวด แสบร้อน ปวดทรมาน เหมือนกับเรานั่งกินเนื้อตัวเอง เป็นแผลรู้สึก แสบด้วย

ยายไม่ได้ฆ่าแต่กินเนื้อที่เขาฆ่ามาแล้ว แต่ลงไปในนรก ต้องกินเนื้อตัวเองกินจนหมดเลย บางทีเนื้อแลบออกมาเอง ต้องล้วงท้องตัวเอง ล้วงมานั่งกินเอง ทรมาน นรกมีจริง! ตอนที่ โดนทรมานเขาว่าเคยทำผู้อื่น ต้องรับกรรมตกนรก ถ้าไม่สำนึกก็ ไม่ได้ไปเกิด โดนทรมานอยู่อย่างนี้ เชื่อเถอะ นรกมีจริงๆ ไม่โกหก ไม่ได้พูดเล่น พูดเล่นกันไม่ได้

ส่วนเรื่องกุ้งหอยปูปลาก็เหมือนกัน ยายเสียบก้นมัน ยาย ก็โดนอย่างนั้นเหมือนกัน เขาสอนว่าตอนทำเขาไม่รู้จักเจ็บ แต่พอ โดนก็รู้ใช่ไหม เวลาเสียบตอนเป็นๆ มันร้อง เวลาเอาปลามาผ่า ท้องมันคิดหนี แต่หนีไม่ได้ เหมือนกับที่โดนทางการยมโลกทร มานนั่นแหละ

ยังมีเรื่องควายที่บ้านมันเป็นไข้ตาย ๒ ตัว ยังไม่ทันตายดี ยายก็ล้ม(ฆ่า)มัน โทษที่ได้รับในนรก ยายก็โดนล้มเหมือนควาย

ยายเคยด่าคนก็โดนทางนรกลงโทษโดยการฉีกปาก

กินหมากก็โดนลงโทษ เขาให้ไปกินถ่าน เขาสอนว่า ทำลายตัวเอง นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ แต่ต้องไปรับกรรม ไปกินถ่าน ไฟถ่านสุกๆ ไม่ต้องเคี้ยว เจ็บมาก ล้มๆ แล้วลุกขึ้น สิ้นสุดตอนไหน ยายไม่รู้เรื่อง ยายสลบ

ยายจะไปแล้ว ขอบใจนะ สำหรับน้ำอมฤต สว่าง และเบา หวิวเลย

ยายไม่อยากมาเกิดอีก ไม่เอาแล้ว

ยายจะไปแล้ว
ณ มูลนิธิชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

เวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น. วันพฤหัสบดีที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ แม่ครัวท่านหนึ่งซึ่งนั่งซึมมานานมีอาการหนาวสั่น เหมือนคนเป็นไข้ และล้มตัวลงนอน ชักดิ้น ชักงอ ต้องจับกัน หลายคน ไม่พูดจา ถามอะไรก็ไม่พูด ได้แต่ร้องครางในลำคอ หน้าตาแสดงความเจ็บปวด พุทธบริกรจึงให้กินน้ำอมฤตพระแม่ องค์ธรรมที่ผสมผงทิพย์หน้าพระแท่น ยิ่งดิ้นก็ยิ่งแสดงความเจ็บปวดมากขึ้น

วิญญาณเปรตได้อาศัยร่าง แต่พูดไม่ได้ เพื่อให้วิญญาณพูดจึงให้ดื่มน้ำสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ตาหนีเขามา หนีคนหน้าแดง เขาตีเขาไม่ให้เข้ามาในนี้ (หมายถึงในสถานธรรม พุทธสถานทุกแห่งทั่วโลก จอมเทพวินัย ธรสี่พระองค์ปกปักรักษาดูแล คุ้มครองไม่ให้ภูตผีปีศาจเข้ามา ถ้า ท่านไม่ขออนุญาตก็เข้ามาไม่ได้ ที่เข้ามาได้ก็เพราะท่านอนุญาต โดยที่วิญญาณทั้งหลายต้องการมาบอกหรือมาทำภารกิจใด หรือ พุทธบริกรถูกทดสอบรวมหมู่)

ตาชื่อชุ่ม อยู่ตำบลนาขอม อำเภอสิชล ตายตอนอายุ ๖๐ ปี โดนเพื่อนตีตาย

เหตุที่ถูกตีตาย! เพราะเราไปขโมยควายเขา ตายอายุ ๖๐ ปี ตายมา ๕๐ ปีได้แล้ว เป็นเปรต มีรูปร่างตัวยาวๆ หนวดเครามาก หัวเข่าใหญ่ ไข่โต ไม่นุ่งเสื้อผ้า เขาปล่อยมาหลายวันแล้ว มาขอกิน เขาบอกให้มาขอ

ตอนสมัยยังมีชีวิตอยู่ ชอบขโมย พี่น้องเกลียด เขาไม่ให้กิน

ชอบขโมยของวัด ไม่รู้วัดอะไรที่นาขอม (วัดเขาพนมไตย) หลวงพ่อดุ ชื่อพิศ ขโมยกลางวันไม่ได้ โดนเด็กวัดตีตาย เวลาพระขึ้นโบสถ์หมด เราก็ขโมย พระขึ้นโบสถ์ตอนค่ำ ขโมยกิน ข้าวก่อน ขโมยโกร่ง(กล่องอนุโมทนา) ขโมยทั้งโกร่ง ได้ไม่มาก เพราะ สมัยก่อนมีเป็นเงินบาททั้งนั้น มีสตางค์แดง ๑๐ กว่าสตางค์ เอาเงินไปเที่ยว กินเหล้ากัน แล้วก็ตีกัน ขโมยของแม่ด้วย แม่ชื่อพวง

“เหนื่อยแล้วนะ” (ให้น้ำอมฤตของพระแม่องค์ธรรม)

ไม่ว่าอะไรขโมยทั้งนั้น ขโมยข้าวกิน เพราะไม่มีอะไรจะกิน ไม่ได้ทำงานเพราะขี้เกียจ ขโมยข้าวในนาเอาไปขาย ขายคนแถว นั้นมัดละสตางค์ ขายได้ ๕ สตางค์ ได้แล้วก็เอาไปซื้อกัญชาสูบ

แต่ที่เขาตีตายครั้งนี้ไปขโมยควายเขา เขาว่าเราขโมย เราไม่ได้ขโมย เราจูงไปให้คนที่ซื้อของเรา ถูกเขาจับได้เขาก็รุมซ้อม แล้วเขาก็ตีลูกเดียว เขาตีกันหลายคน ดังตุ๊บตั๊บๆ

ตอนตายวิญญาณออกจากร่างไป ใครก็ไม่รู้ มารับไป ๒ คน หน้าตาดุ ตัวดำทะมึนเลย สูงเป็นวา เขาพาลงไป(นรก) เขาว่าตาขโมยของแม่ตัวเอง ขโมยของเพื่อน ขโมยของพระด้วย บาปหนักกว่าเพื่อน ขโมยของพ่อแม่แต่แม่ก็ไม่ถือโทษโกรธลูก (ร้องไห้สะอื้นเมื่อพูดถึงแม่)

แม่มาขอ อย่าทำลูกแม่ แม่ยังรักลูก แม่ว่าอย่าริขโมยของ คนอื่น ของของแม่ๆ ไม่โกรธ (ร้องไห้สะอื้นหนักขึ้นไปอีกเพราะ ระลึกความดีของแม่)

เขาพาไปคุกเข่าบนแผ่นเหล็กร้อนเป็นไฟ(ร้องไห้) พอเรา ตายไป เขาเป่าๆ ให้ฟื้นให้มาอีก เขาก็เอาน้ำอะไรไม่รู้สีแดงกรอก ให้กิน สมัยตอนเป็นคนเรากินน้ำเมาด้วย เราขโมยน้ำเมาบนต้น ตาลโตนด ขึ้นไปขโมยบนต้น สมัยนั้นเขาทำบนต้นเลย แล้วเขาก็ เลยให้กินเหล้าเมืองนรก เหล้าเมืองนรกร้อนไปหมด ตายแล้วเขา เป่าให้ฟื้นใช้เวลาในที่นี่นาน เขาก็พาไปที่อื่นอีก พาไปให้หมามัน ควักท้องกินไส้!

ทำความผิดอะไรไม่รู้! เขาไม่บอก!

เราอยู่ที่…เขาพาไปหลายแห่ง จำไม่ค่อยได้ พาไปตรงนั้น มีงู มีหมา งูเจาะลูกตา หมาเจาะท้อง พอตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีก มาที่นี่(สถานธรรม)ได้เพราะยมบาลเขาให้เรามาที่นี่เขาจะเรียกกลับแล้ว

วันที่ ๓ ตุลาคม ยังอยู่ในเทศกาลส่งตายายอยู่ ในนรกเขา เรียกให้ขึ้นมาน่ะสิ คนอื่นเขาให้ขึ้น แต่เราเขาไม่ให้ขึ้น เขาบอกว่า ค่อยขึ้นทีหลัง ให้คนอื่นขึ้นก่อน

เราวิ่งหนีมา เราหิว เห็นเพื่อนกิน ก็อยากกินบ้าง เคยเห็น แต่เขากินกัน อยู่ในนรกไม่ได้กินเลย

อยู่ที่ร่างนี้ ตาแอบอยู่ จอมเทพวินัยธรตีเราวิ่งหนีทุกที

แล้วคนแก่หนวดขาวด้วย เขาดุจะตาย (หมายถึงเทพเจ้า เตาครัว) เขาไม่ให้เรากิน ยังไม่ถึงเวลา ญาติพี่น้องก็ไม่ให้กิน เขาไม่ให้เรากินนานแล้ว เขาลืมเราแล้ว

ไปที่วัดมาแล้ว ไปดูที่วัดเขาพนมไตยไปยืนดูเขากิน คนโน้นเขาเรียก กับเราเขาไม่เรียก ข้างนอกพวกโน้นแย่งหมด พวกข้างนอก……เยอะ! มีข้าวบ้าง ขนมบ้าง เขากรวดน้ำเอ่ยชื่อ แต่กับเราเขาไม่เอ่ยชื่อ

เราจะกลับแล้ว

วัตถุประสงค์ของเรา มาขอข้าวกิน ไม่ได้มาทำร้ายใคร

เราเป็นเปรตที่หิวโหย สูง ลิ้นห้อย ตวัดแมลงกินได้เลย เขาให้กินแต่แมลง ปากไม่เท่ารูเข็มหรอก ที่พูดไม่ได้ มีคนแก่ขาวๆ เขาบีบไว้

ข้าวที่ข้างนอกวัด เราก็ไม่ได้กินเหมือนกัน กินแต่ของเหลือ ถ้าไม่เหลือเราก็อดอีก เราหิวไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว(ร้องไห้) พี่น้องก็ไม่อยู่

ลูกหลานอย่าทำเหมือนตาน่ะ ของพ่อของแม่ก็อย่าขโมย ของพระด้วยอยู่เหมือนตาน่าเวทนาจริงๆ ลูกเวทนาจริง อดก็อด พี่น้องก็ไม่ดูแล(ร้องไห้) อย่าทำจำไว้ ไม่รู้ได้ผุดได้เกิดเมื่อไหร่ (ร้องไห้ )

เราก็เล่าแค่นี้ อย่าเอาเป็นตัวอย่างน่ะ ไม่ว่าอะไรอย่าไปขโมย ของเขา

เราเป็นเปรตอยู่ในน้ำสกปรกทั้งนั้น เขาให้กินน้ำปัสสาวะ ให้กินอุจจาระด้วย ถ้าไม่กินเขาก็ตี เขาอนุญาตให้มาที่นี่ เมื่อถึง เวลาเขาเรียกกลับอย่าให้เกินเวลาที่เราขออนุญาตเขาไว้

เดี๋ยวเขาก็พาเรากลับไปอีก พาไปกินอุจจาระหลายวันทำ ให้กินอยู่อย่างนั้น อาเจียนแล้ว เราก็ต้องกลืนต้องฝืนทน จำไว้นะ ลูกอย่าทำเหมือนตา

เปรตที่ตาเห็นอยู่เยอะ ทั้งหญิงทั้งชาย อยู่กันแก้ผ้าหมดแต่ไม่ได้มีอะไรกัน ผู้หญิงก็แก้ผ้าผู้หญิงไม่มากเท่าไหร่ เพราะ ไม่ได้ขโมยของคนอื่น เด็กไม่มี

นรกขุมนี้เขาเรียกว่าเปรต แต่เปรตอะไรไม่รู้ อยู่ขุมที่ ๙ ที่ ๑๐ ตรงนั้นแหละจำไม่ได้

อย่าเอาเป็นตัวอย่างจำให้ดี(ร้องไห้)

อิ่มแล้ว ข้าวไม่ต้องกินแล้ว(เมื่อตะกี้ให้กินน้ำ)

ไปแล้ว
ณ มูลนิธิชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๕ เวลา ๒๐.๔๕ น.

มีวิญญาณตนหนึ่งมาอาศัยร่างเพื่อจะมาบอกเรื่องราว

ป้าเป็นพี่น้องของคนชื่ออุไรลูกของลุงเทียบ เราชื่อลิ้มอยู่ นครฯ เป็นผู้หญิง ตายมาร้อยยี่สิบกว่าปีแล้ว มาแอบร่างนี้อยู่ ตั้งแต่เขาไหว้พระอยู่ มาดูหลานคนนี้แหละ(หมายถึงร่างที่ใช้อยู่)

ป้ามาในเทศกาลเดือนสิบ ท่านพญายมอนุญาตให้ขึ้นมา

ก่อนตายตอนนั้นอายุใกล้ ๘๐ ปีแล้ว ป้ากินหมาก หมากติด คอตาย มันเข้าหลอดลม ตายมาแล้วร้อยกว่าปี ขอกินน้ำหน่อย (ขณะเดียวกันนั้นคุณวิชัยซึ่งทำงานสร้างอาศรมอยู่ จามอย่างแรง วิญญาณจึงพูดขึ้นมาทันทีทันควันว่า……)

บรรพบุรุษเอ่ยถึง มันทะเลาะกันจะตาย มันเถียงอะไรกัน ก็ไม่รู้ ที่บ้าน ที่หน้าพระมันก็เถียงกัน ลูกเต้าของเขาเถียงกัน บรรพบุรุษมานั่งคอยจะไหว้พระตอนเย็น ไม่รู้อะไรกันนักหนา เดี๋ยวโน่นเดี๋ยวนี่ เขามาพร้อมป้า

พญายมให้ขึ้นมาล่วงหน้า ๑ อาทิตย์ ขึ้นตั้งแต่ตอนเย็น เมื่อวานก็มา เขาให้มาเฉพาะคน(วิญญาณ)ที่ใกล้จะหมดเวรแล้ว ป้าอยู่ขุมที่ ๒

ข้างล่างสนุกกันใหญ่แล้ว เปรตมันจะขึ้นมา เขาจะมาที่นี่ นั่นแหละ ที่นี่มีงานใหญ่ มึงยังไม่จัด แต่มึงประกาศไปแล้ว เขาได้ ยินกันทั่วข้างล่าง(นรก) เขาก็ประกาศเมื่อไม่กี่วันข้างหน้านี่แหละ

เขาประกาศทั่วเมืองนรก ข่าวดังฉาวโฉ่อื้ออึงไปหมด ติด ลำโพงใหญ่ เขาประกาศออกลำโพงว่าใครมีพี่น้องอยู่ข้างบน ให้ มาที่นี่ เดี๋ยวเราจะพาขึ้นไป ใครไม่มีญาติพี่น้องหนักใจสักนิด จะได้มาไหมต้องให้พญายมตัดสินก่อน

ได้มาเห็นหลานแล้วดีใจ

บรรพบุรุษของชายคนนี้(คุณสันติ จันทร์แก้ว) มันไม่ค่อยมา สถานธรรม นานๆ จะมาสักที เขาก็ได้มีชื่อเหมือนกัน ได้มาเหมือน กันแต่อยู่แถวหลังสักหน่อย ป้ามากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่งตัวลอยขาวเต็มไปหมดเขาพามาเอาบุญ เมื่อตะกี้เราก็ได้นิดนึงแล้ว ได้ตอนที่พวกเจ้าเอ่ยคำว่าตา ยาย บรรพบุรุษ ป้าเป็นพี่น้องของเขาเหมือน กันก็ได้

ถ้าไม่เอ่ยชื่อก็ไม่ได้ ข้าลงไปข้างล่างร้อยยี่สิบปีแล้วไม่เคย ได้รับบุญเลย เพิ่งจะได้รับเมื่อลูกหลานมาเรียนธรรมะข้าถึงจะได้

ตอนที่ลูกหลานเริ่มบำเพ็ญธรรม ข้าอยู่ขุมที่ ๑๑, ๑๒

ทางการยมโลกส่งป้ามา พอมาถึงก็ไปเยี่ยมบ้านก่อนที่หัว ไทร ไปหาพี่น้องมีทหารคุมไปด้วย ป้าบอกว่าจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ไม่ต้องตามมาก็ได้กลัวแล้ว

ไปที่บ้านไม่พบใคร มันตายโหงกันหมดแล้ว ไม่ได้พบใคร สักคนเดียว ป้าไปเสียเที่ยว ไม่ได้อะไร ไม่พบใคร

พอตกตอนเย็นก็มาถึงที่นี่ พอมาถึงพวกมึงก็ไหว้พระอยู่พอดี คนสวยผิวขาวเขาชี้ให้ข้ามาที่นี่

พอเขาให้เข้ามาป้าก็กอดร่างนี้อย่างตั้งใจ ร่างเลยหายใจ ไม่ออก

ไม่รู้กรรมอะไรเต็มไปหมด อยู่ในนรกนานตั้ง ๑๒๐ ปี

วันนี้จะเล่าสักตัวอย่างสักสองสามตัวอย่าง เพื่อเป็นอุทา หรณ์ให้คนรุ่นหลัง แต่ใกล้จะหลุดแล้ว ขึ้นมาอยู่ขุมที่สองแล้ว

เหนื่อยใจน่ะ ลูกน่ะ มันเหนื่อยใจแทนพวกมึง พวกมึงยัง พูดหยาบกันอยู่ ลงข้างล่างน่ะลูกน่ะ ป้ากลัวแล้วทำอย่างไรก็ไม่ อยากไป

กรรมมีจริง วิบากกรรมของใคร กรรมใครทำกรรมนั้นได้รับนี่แหละ ดูตัวอย่างป้าซิ กรรมที่ทำ ต้องไปชดใช้ ต้องไปอยู่ในนรกเป็นร้อยๆปีแล้ว ไม่ใช่ธรรมดาน่ะ กรรมในชาติก่อนบวกกับกรรม ในชาตินี้ ถ้าไม่สร้างความดีลบล้างความชั่วก็จะบวกลงไปข้างล่างแล้วหนัก หนักจริงๆนะ

ในสมัยตอนมีชีวิต ป้ามีม้า เลี้ยงม้าสองสามตัวม้า ที่เขาขี่ ที่เขาเอาลากของ ตอนแรกป้ามีฐานะยากจน ทำแต่นาแล้วก็ใช้ม้าขี่ ให้ลากเกวียน ให้มันลากข้าวในนา เวลามันตกหลุมตอนไปหน้านา เวลาม้าขึ้นไม่ได้ก็ตีมัน มันน้ำตา ตกตอนถูกตี ลงไปนรกป้าได้ รับโทษเหมือนที่ทำไว้กับม้าอย่าง ไรก็รับโทษอย่างนั้น ต้องไปโดน ลากของอยู่อย่างนั้นเหมือนกัน ไปลากหินเกวียน ที่คอก็มี เลือดไหลเต็มไปหมดเลย เจ็บมาก ลากต้องคลาน เขาก็ไม่ให้หยุด ให้เดินกับหัวเข่า คุกเข่าแล้วคลานเหมือนสุนัขเลย

ถึงกับตาย จะทนไหวได้ยังไงล่ะ คลานบนแผ่นเหล็กเสียด้วย เหล็กร้อนเนื้อก็หลุดหมด ตายแล้วเขาก็ลากกลับมาอีก เขาไม่ให้ ผ่าน ไม่ให้พ้น ให้ทรมานอยู่อย่างนั้น

พอตายแล้วเขาก็พัดลม พอฟื้นแล้วก็ให้ลากต่อ นานจนจำ ไม่ได้ เจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว

ป้าพูดสำนึกเหมือนที่พวกเจ้าพูดนั่นเหละ ป้าบอกว่าพอ แล้วจะไม่ทำแล้ว ถ้าหากรู้ว่าจะได้รับผลบาปเช่นนี้ ก็ไม่ทำหรอก ไม่ทารุณสัตว์หรอก

ป้าสงสารที่ทำกับสัตว์ไว้ เคยตัดคอไก่ ผลที่ได้รับเขา พาป้าไปแขวนคอ เชือดคอเหมือนที่ทำกับไก่ที่เขาแขวนไว้ในตู้ ป้าเจ็บปวด ดิ้นจนขาดใจตาย แล้วฟื้นขึ้นมาอีก จนถึงสำนึกแล้ว เขาก็จะหยุด เชื่อซิ ลูกๆ หลานๆ รับกรรมเหมือนกับเราที่ทำ สัตว์ไว้ในโลกนั่นแหละ

ส่วนเรื่อง กบ เขียดก็นำมาถลกหนังออก สามีของป้าไป ตีกบมา บางครั้งก็ยังไม่ตาย มันนั่งจ้องตาเป็นประกาย ป้าเอา มีดถลกหนังมันออก (ร้องไห้ไม่อยากเล่า) เชื่อไหมว่าบางตัวถลก หนังแล้วก็ยังไม่ตายอีก ป้าก็นำมีดมาผ่าท้อง น่าสงสารมันน่ะ ถ้าหากว่าป้ารู้ ก็ไม่ทำหรอก ที่ถูกลงโทษเหมือนเคยทำกบ แต่ความรู้สึกเป็นคน โดยถูกทำโทษเหมือนกบ เชื่อเถอะลูกว่า นรกมีจริง

ลูกๆ หลานๆ ทั้งหลาย ปู่ย่า ตายาย ทวดน่ะ ยังอยู่ข้างล่างอีก มาวันนี้เพื่อมาบอกให้เขารีบๆ มาที่นี่ เอาเงินมาทำบุญ ทำบุญให้ มากๆ ไม่ต้องหวงเก็บไว้ ทำให้หมด จะตายกันแล้วเหลือไว้ทำไม

พี่น้องพอเขามีเงินก็ดี แต่ป้าก็ฝากบอกให้มันมาสร้างบุญ บอกว่าบรรพบุรุษทั้งหมดที่อยู่ข้างล่างของมันกำลังคอยบุญอยู่

ป้าจะไปแล้ว ต้องกลับอีกน่ะสิ

จะขอกินก่อน แล้วค่อยไปขุมที่ ๒

พอป้ากลับลงไปก็ไปฟังธรรมที่ศาลาพระมาลัย เดี๋ยวก็ต้อง ไปฟังธรรม ไปฟังพระเทศน์ พระเทศน์แต่เรื่องกฎแห่งกรรม เทศน์ให้สร้างความดี อย่าสร้างกรรมชั่ว เทศน์ให้ทำแต่สิ่งที่ดีๆ ท่านบอกว่าหลุดพ้นได้ สุดท้ายแล้ว ท่านบอกว่าท่านต้องเหนื่อยใจ

ลูกหลานของป้าเหมือนกันทั้งหมดแหละ ช่วยกันล่ะนะ ช่วยกันคนละนิด ข้างล่างพี่น้องของทุกคนยังติดอยู่อีกกันหลาย คนไม่ใช่เฉพาะป้า

ป้าบอกก็เดี๋ยวว่าโกหกอีก บางทีก็ดี บางทีก็ไม่ดี ให้ทุกๆ คนเชื่อว่า พี่น้องยังอยู่ข้างล่างอีกหลายคน มีอีกมากยังไม่ได้มาในวันนี้ ไม่ได้ขึ้นมาน่าสงสาร เขากำลังคอยจะขึ้นมา

ให้ทุกคนช่วยกันทั้งหมดนั่นแหละ พี่น้องใครก็เหมือนกัน ช่วยกันให้เขาสร้างบุญบ้าง ก่อนจากกัน ป้าฝากบอกหนูอุไรด้วย นะว่า ให้เขามาสร้างบุญ

ส่วนเอียด(น้องของร่างนี้) มันพูดยากนะ เจ้ากรรมนายเวรของเขามากกว่าคนอื่น เขาหยิ่ง จองหอง ถือดี ใครก็ทำเขาไม่ได้ ไม่รู้วันไหน ถ้าเขาล้ม เขาจะเป็นคนแรก

เขาไม่เชื่อ พอเขาเจ็บ เขาไม่สบาย ก็ว่าทำไมเขาไม่ช่วยเรา มันเจ็บจะตายแล้ว คอยดูสิ เขาร้องหาแต่คนนี้แหละ เขาไม่สร้าง บุญให้บ้าง

ลูกหลานมันไม่เข้าใจ จะอยู่กับเขานานๆ ตอนนี้ ๒๑.๐๐ น. หรือยัง? อยากนอนสักคืน ป้ามาบอกแล้ว ก็จะกลับแล้ว ขอเขา แค่นั้น ขอว่าจะมาอยู่กับลูกหลานบ้าง

ป้าจะไปแล้ว รู้สึกปวดหัว ไม่รู้จะทำอย่างไร พูดไม่ได้

กฎแห่งกรรมมีจริงๆ นรกมีจริงๆ ถูกทรมานจริงๆ ไฟนรก มีจริงๆ

ป้ากลัว จะกลับแล้วนะ

ณ มูลนิธิชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

วันจันทร์ที่ ๗ เดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ เวลาประมาณ ๑๒.๒๐ น.

ตอนเช้าคุยกับพ่อปู่ฤๅษีเดินดง เรื่องวิญญาณเปรตที่มาขอ บุญในช่วงที่ผ่านมา ท่านว่าวิญญาณเปรตที่มาให้หลักฐานก่อน หน้านี้ ให้ข้อมูลไม่ค่อยจะชัดเจนเท่าที่ควร เมื่อคืนพ่อปู่คุยกับวิญญาณเปรตที่เตรียมมารับบุญในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๕ ซึ่งมูลนิธิฯ จัดงานส่งตายายในเทศกาลเดือนสิบ และได้จัดมาหลายปีแล้ว ในปีนี้จะจัดพิเศษกว่าที่เคยจัดมาแล้ว ทางการยมโลกจะปล่อย วิญญาณมามากกว่าปกติ ประกอบกับเสด็จพ่อพระชินปัญชรมหา ราชได้จัดชั้นเรียนพิเศษ ให้แก่วิญญาณในนรกได้ศึกษาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ จนถึงวันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ วิญญาณที่ผ่าน การสอบไล่ในวันแรม ๑๕ ค่ำ ที่จัดข้างบน (บนสวรรค์) แล้ว จะได้ มาสอบร่วมกับลูกหลานกายเนื้อที่ได้จัดขึ้นที่มูลนิธิฯในโลกมนุษย์ ในวันที่ ๑๐ และ ๑๑ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นชั้นเรียนสำนึกบาป จาก นั้นถ้าบุญกุศลลูกหลานพอ วิญญาณเหล่านั้นก็จะได้ขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์ ไม่ต้องกลับลงไปรับโทษในนรกอีก พ่อปู่ว่าเปรตที่คุย กันเมื่อคืนมีแววดี พ่อปู่จะส่งมาให้สัมภาษณ์อีกสักราย

เปรตที่จะมารับส่วนบุญในวันส่งตายายของไท่ชุน วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๕ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ จะมีจำนวนมาก ในตอนสายวันที่ ๗ ตุลาคม ยังไม่ทันเตรียมตัวพร้อม เพราะยุ่ง อยู่กับการจัดสถานที่ เปรตเองเห็นว่าบ่ายงานจะยุ่งมากกว่า จึง ขออนุญาตพ่อปู่มาแสดงหลักฐานก่อนกำหนด พ่อปู่จึงผลักญาณ เปรตให้มาแสดงหลักฐานก่อน เมื่อเปรตมาใช้ร่าง จะร้องโหย หวนน่าสยดสยอง แสดงความเจ็บปวดรวดร้าว มีอาการของ ความหิวโหย เสียงร้องดังก้องไปทั่ว เมื่อร้องอยู่นาน หลายนาที จึงบอกให้หยุด ก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ

เขาให้เรามาเอาบุญ ปากเล็กพูดไม่ได้ (พูดได้แค่นั้นแล้ววิญญาณร้องโหยหวนน่าสพรึึงกลัวต่อเนื่องยาวนาน แสดงถึงความ เจ็บปวด คนที่เจ็บปวดร่างกายร้องโหยหวนอย่างไร เสียงร้องของวิญญาณนี้ก็เป็นอย่างนั้น)

กูเป็นสัตว์นรก….. เขาให้กูมา ไม่ต้องการอะไร มาตามที่ท่าน ต้องการ เขาเรียกพวกกูว่า …ไอ้สัตว์นรก! เปรต ฮือๆๆ

เนื่องจากวันนี้เป็นวันส่งตายาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ เป็นวันที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ เวลา ๑๑.๒๐ น. มีเปรตหรือสัตว์นรกมาให้หลักฐานที่ไท่ชุน

กูเป็นสัตว์นรกตัวสูงใหญ่

กูเป็นผู้หญิง ตายนานแล้ว อยู่ขุมลึกที่สุด ตาย ๗๐๐ -๘๐๐ ปีแล้ว

กูฆ่าเขา แล้วฆ่าตัวเองตาย เพราะกูกลัวความผิด กูตายตอน อายุ ๒๐ กว่าปียังไม่มีครอบครัว สาเหตุเพราะเเย่งเเฟนกัน

กูชื่อชีวาพร กูเป็นคนโบราณ บ้านกูอยู่ที่…โน้น วัดโหนด ท่าศาลา

ฆ่าเพื่อน ๔ คน เพราะแย่งผัวคนเดียวกัน

กูไปฆ่าลูกสาวเขาก่อน พ่อเเม่มันมารุมกันฆ่ากู

ใช้มีดพับฆ่าพี่น้องเขาด้วย (วิญญาณร้องโหยหวนยาวนาน เสียงขาดๆ หายๆ เป็นห้วงๆ)

กูเจ็บ เจ็บแข้งเจ็บขา กูเจ็บ เปื่อยไปหมดเเล้ว เป็นน้ำเหลือง เฉอะแฉะไหลเยิ้มไปทั้งตัว

ตอนสมัยมีชีวิตกูลำบาก กูทำนา บ้านกูมุงจาก กูชอบกินของ เล็กของน้อย ชอบขโมย ขโมยกินของ ชอบขโมยกินของพระ เวลาเขาถวายพระ กูหยิบกินก่อนทีละเล็กทีละน้อย กูไปอยู่วัด บางครั้งกูก็ไปถือศีล แต่กูชอบกินของวัด

กินของก่อนถวายพระเสียด้วย ชีวิตประจำวันของกูอยู่ที่บ้านไม่ได้ทำงาน มีแต่ปลูกผักข้างเรือนไว้กิน บางทีกูไปนอนวัด เพราะกูไม่มีอะไรกิน ไปวัดไม่เคยช่วยงานวัดเลย เพราะกูขี้เกียจ กูไม่ทำงาน กูเอาเเต่กิน

สมัยนั้น รักผัวเขา แล้วไปฆ่าเมียเขา แต่ยังไม่ได้กัน แต่กูชอบเขา(วิญญาณร้องโหยหวนเมื่อถามว่าตายแล้วไปไหน ทุกวิญญาณที่เคยมาให้สัมภาษณ์ เพราะคนที่ทำความผิด ตายแล้วต้องลงนรก และรสชาติความเจ็บปวดของนรก จะปรากฏขึ้นทันที เมื่อเรา ถาม เขานึกถึงนรกที่เคยได้รับการทรมานเจ็บปวดมาแล้ว จึงร้อง ไห้ด้วยความกลัว และจะรู้สึกเจ็บเหมือนที่เคยเจ็บในนรก เมื่อถาม ถึงนรก เปรตชีวาพรก็เช่นเดียวกัน )

หลังจากตายแล้วก็ไปนรก กูถูกเขาเอาเข็มทิ่มแทง ทุกวันฮือๆๆๆ ……เขามารับกูไป พญายมให้ทหารมารับกู สองคนสองวิญญาณมารับไป พาไปคุกเข่าต่อหน้าพญายม พญายมพูดว่ามึงทำบาปแล้ว มึงทำบาปไว้มากมายเต็มไปหมด ฮือๆๆๆ ….

คำเเรกที่พญายมทักทายเมื่อคุกเข่า “มึงทำบาปไว้มาก ให้มึงบอก มึงทำอะไรกี่อย่าง มึงฆ่าใครกี่คน มึงฆ่าสัตว์กี่ตัว ทำอะไรผิดไว้บ้าง บอกให้หมด” กูไม่รับ กูโกหก เมื่อกูไม่รับเขา เอาทิ่มหลังกู(หมายถึงสามง่าม) เขาทิ่มเพื่อให้บอกความจริง

เขาให้กูสารภาพ กูไม่สารภาพ กูดื้อ กูอยากเจ็บ กูว่ากูไม่ได้ ทำฮือๆๆ กูว่ากูคนดี กูเข้าวัด เขาว่ามึงขโมยของพระกิน กูว่ากูไม่ได้ กิน กูหยิบนิดเดียว กูเจ็บ เขาว่ามึงยังโกหกอยู่อีก กูว่ากูไม่โกหก เขาว่ามึงโกหก เขาก็ตี ฮือๆๆๆ กูถูกตี กูเจ็บหมดทั้งตัว มือหัก ตีนหักหมด กูก็ยังดื้อ กูไม่สำนึกๆ กูไม่ยอมแพ้ กูว่ากูไม่ผิด เขาว่าถ้ามึงยังโกหก เขาจะเอาเหล็กเเหลมแทงปากให้ทะลุต้นคอ กูก็ยังไม่ยอมรับ กูยอมเจ็บ กูก็ยังไม่ยอมรับผิด ไม่รับกูดื้อ เขาว่า อย่างนี้ต้องลงให้ลึกให้สุด ให้เจ็บที่สุด ให้ทรมานที่สุด

ครั้งแรกท่านพญายมให้ลงไปขุมที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ขุมที่ ๑๖ หรือ ๑๗ หรือ ๑๘ กูจำไม่ได้แล้ว ลงลึกกว่าเพื่อน เพราะกูดื้อกับพญายม กูไม่ยอม เขาตี เขาตัดตีน ให้กูสารภาพ กูไม่ยอมรับ เขาบอกว่าดื้อสุดๆ เลย กูว่ากูไม่ดื้อ ฮือๆๆๆ พอกูว่ากูไม่ดื้อ เขาก็เอามีดสับอีก โอยๆๆๆ

เมื่อกูดื้อไม่พูดความจริง เขาพาลงไปขุมที่ลึก ลงขุม ๑๖

ที่กูอยู่หน้าพญายมก่อนจะพิพากษา กูก็ไม่ยอมท่าเดียว เขาทรมานตัดนิ้วทีละนิ้ว เขาตัดนิ้วมือนิ้วตีนทีละนิ้ว กูเจ็บ กูทน เขาเอามีดกรีดปาก กูก็ทน เขาว่าถ้ายังชั่วอยู่อย่างนี้อีก เขาโมโหแล้ว จะถูกทรมานเจ็บปวดเท่าใดกูก็ไม่ยอมลูกเดียว…..

กูไม่ยอม สันดานกูเป็นอย่างนี้แหละ ถ้ากูยอมรับความจริง ก็ไม่ต้องลงลึก ไม่ต้องทรมานมาก

กูไม่ยอม ถ้ากูรู้ กูจะทำอย่างนี้ไปทำไม

กูเจ็บจะตายแล้ว

กูถูกทรมานมานานเท่าไหร่ กูจำไม่ได้ที่นั่นมันมืด กูมองอะไรไม่เห็น มันมืดไปหมด มองอะไรไม่เห็นอยู่ในที่มืด ไม่เห็นเดือนเห็นดาว ไม่เห็นตะวัน มืดๆๆๆ เป็นเปรตหลาย สิบปีแล้ว

กูมาที่นี่หนหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีใครให้บุญกู กูไม่รู้จะขอบุญ จากใคร กูไม่รู้จักใคร

มาครั้งนี้กูได้! เเต่กูรับได้นิดเดียว เพราะกูยังดื้อ ฮือๆๆๆ

กูไปที่วัดมา แต่กูเข้าไม่ได้ ไม่มีพี่น้องกูไปเลย ฮือๆๆๆ เลยไม่ได้รับบุญ ทางการยมโลกเขาปล่อยมาเมื่อวานซืน หรือวัน ไหน กูจำไม่ได้แล้ว กูมาหลายวันแล้ว มาตั้งแต่วันแรมหนึ่งค่ำ

เขาจะให้กลับวันแรม ๑๕ ค่ำวันส่งตายายอยู่ ๑๕ วัน

กูไปอยู่ที่ประตูวัดโน่น กูกินไม่ได้ กูเจ็บปากเจ็บคอ คอกูไหม้ กินไม่ได้ คอยาว คอเล็กนิดเดียว ฮือๆ

ตลอดเวลา ๗๐๐ ปีมานี่นะ กูได้กินทีละนิดทีละหน่อย กินได้นิดเดียว กูกินไม่ได้ กูเจ็บ มันไหม้ที่คอ กูกินอะไรไม่ได้ ฮือๆๆๆ

๒-๓ ปีมานี้ เขาไม่ให้มา เขาบอกว่ากูไม่ได้สร้างบุญไว้ตอน เป็นมนุษย์เลย ฮือๆๆๆ

ตอนที่ได้ขึ้นมาไปที่วัด แต่ไม่ได้อะไรกลับมา มาที่นี่ ก็ได้นิดหนึ่ง พอสิ้นสุดพิธีส่งตายายแรม ๑๕ ค่ำ กูต้องกลับ ลงไปใช้กรรมอีก ฮือๆๆ ลงไปรับโทษเหมือนเดิมทุกอย่าง อดๆ อยากๆ ยืนเป็นเปรตผอมสูง มีแต่ซี่โครง ตาถลนออกมานอกตา ลิ้นห้อยยาวลงถึงเอว ถึงนม ถึงหัวเข่าโน่น ฮือๆๆ

ที่ว่ากูปากเล็ก แล้วลิ้นห้อยออกมา ทางนรกเขาทำ บางทีกูปากใหญ่ บางทีกูปากเล็ก ที่เขาว่าปากเท่ารูเข็ม รูเล็กนิดเดียว กินอะไรไม่ได้ เพราะว่าลิ้นใหญ่นะ ลิ้นห้อยถึงนม ถึงหัวเข่านะ เสื้อผ้าไม่มีใส่ ไม่มีอะไร กูเปลือยทั้งร่าง ฮือๆ

ความเป็นอยู่ของเปรตเหมือนกันทุกตัวเลย ถูกทรมาน จะตายกันอยู่แล้ว เปรตที่อยู่ด้วยกันเหล่านั้น กินขี้เหมือนกันหมด ฮือๆๆๆ……ที่ถูกทำโทษให้กินขี้ เพราะกินของก่อนถวายพระ ตอนกินขี้รสชาติทั้งเน่า ทั้งเหม็น สกปรกทุกอย่าง ขี้ที่กินมัน ขึ้นมาเอง ฮือๆๆ กูต้องกิน กินแล้วอาเจียนออกมาจะต้องเก็บกินอีก ฮือ…

หลังจากกินแล้ว มันก็อิ่มนิดเดียว เดี๋ยวเดียวก็หมด แล้วก็ กินอีก อิ่มนิดหนึ่ง แล้วก็อาเจียนออกมาอีก ทรมานจะตายโหง แล้ว ทุกวันกูก็ยังกินอยู่อย่างนี้แหละ ฮือๆๆๆ

เมื่อขึ้นมาแล้ว กูไปที่วัดโน่น แล้วไม่เจอใคร จะเจอใครละ คนที่รู้จัก ๗๐๐ ปีแล้ว คนเป็นลูกหลานไปหมดแล้ว ไปที่วัดไม่ได้ อะไรเลย ที่วัดเมื่อวานเห็นเปรตไปกันเยอะแยะเต็มไปหมด แต่กู ไม่ได้กินอะไรเลย

ไม่มีพรรคพวก พวกที่ไปก็แย่งชิงของกัน เข้าไปไม่ถึงแย่ง กับเขาไม่ได้

คนมันแย่งชิง จะเอากลับบ้าน เลยทำให้เปรตรีบแย่ง กินกัน เขาจึงเรียกกันว่าชิงเปรต ถ้าไม่ชิง ให้เปรตกินกันเฉยๆ เปรตมันกินช้า เก้งก้างมือยาวตีนยาว

ตัวข้าในอีกมิติหนึ่งสูงเท่าต้นตาลได้ ตัวผอม ร้อง(โอยๆๆๆ ร้องยาวยืดต่อเนื่อง ไม่มีเว้นวรรค หยุด เสียงแสดงความเจ็บปวด แต่ก็เป็นลักษณะของการร้องไห้คร่ำครวญ ต้องบอกให้หยุด)

เหตุที่ต้องร้องอย่างนั้น เสียงระงมไปหมด ในชีวิตประจำวัน ร้องเพื่อจะกินอย่างเดียว ร้องขอบุญจากญาติพี่น้อง ลูกหลาน ญาติพี่น้องที่อยู่บนพื้นโลกนี้ ทุกวันนี้เขาไม่เชื่อ(ร้องขึ้นมาอย่าง หนักอีก เมื่อบอกว่าลูกหลานทุกวันนี้ไม่เชื่อว่ามีชีวิตในอีกมิติหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติพี่น้อง ในสมัยเป็นมนุษย์ ครั้นตายจากกายเนื้อ ไปรอรับบุญจากลูกหลานในกายเนื้อในมิติวิญญาณ ซึ่งเป็นคลื่น พลังงานชีวิต เป็นความลี้ลับของจักรวาล ยากที่มนุษย์จิตหยาบ ในทุกวันนี้จะเข้าใจ การจะเข้าถึงมิติของพลังงานที่เป็นคลื่นความถี่นั้นได้ จะต้องฝึกฝนทางจิต ให้จิตละเอียด ก็จะเข้าถึงมิตินั้นได้)

ลูกหลานไปวัดก็ไปตามประเพณี ไม่มีจิตใจจะส่งบุญให้กับบรรพชน พ่อแม่ ปู่ย่า ตา ทวด พวกท่านรับรู้ เป็นอย่างนั้นแหละ มันหลอกทั้งนั้น มันรับปากว่าจะให้บุญ แต่มันทำเล่นๆ โกหกทั้งนั้น ไม่ได้ทำจากใจของพวกมัน กูได้นิดเดียว กินไม่อิ่ม หิว

แต่ถ้าลูกหลานกายเนื้อตั้งอกตั้งใจให้จริงๆ เปรตวิญญาณ ของบรรพบุรุษได้รับอย่างเต็มที่ แต่ไม่มาก เพราะกูอยู่ลึก สุดกว่าเพื่อนก็จริง แต่ก็ได้ นี่เป็นธรรมเนียมของเมืองนรก ว่า เมื่อถึงฤดูตามเทศกาลต่างๆ เช่นเทศกาลส่งตายาย หรือเทศกาล อะไรก็แล้วแต่ ที่ทางโลกมนุษย์ได้จัดขึ้น เขาจะส่งเปรตขึ้นมาขอ ส่วนบุญทุกครั้ง ตรุษจีนก็มา เดือนเมษายนบางครั้งก็ได้มา บางครั้งก็ไม่ได้มา เทศกาลของฝรั่งไม่ได้มา

ขึ้นมาแต่ละครั้ง หวังจะได้บุญ แต่ไม่ได้บุญ กลับลงไปก็ถูกทำโทษเหมือนเดิม ความเป็นอยู่ของเปรต ในที่กูอยู่จะเหมือนกันหมด มืดมองอะไรไม่เห็น อยู่ในหลุมใหญ่โต บางทีเหมือนกับว่าย น้ำอยู่ในทะเลขี้ บางทีก็อยู่ในที่แห้ง แต่ว่ามืด เหมือนอยู่ในถ้ำ

บางทีก็เดินในน้ำแค่หน้าแข้ง แค่ตาตุ่มก็มี กูทรมาน ฮือๆๆ

สภาพความเป็นอยู่ของเปรต จะอยู่ในถ้ำใหญ่เป็นหลุม หลุม ใหญ่ มืดเหมือนกับมีแผ่นเหล็กแผ่นหินปิด อากาศไม่มีหายใจ ปิดมืดหมดไม่เห็นอะไร กูร้องก็ก้องอยู่ในหลุมนั้นแหละ หิวจะกิน อะไร ก็ไม่ได้กิน ฮือๆ

มีเพื่อนอยู่ร่วมด้วยเยอะแยะเต็มไปหมด หลุมหนึ่งอยู่กันกี่ตัวก็ไม่รู้มองไม่เห็น ได้ยินเสียงร้องกัน มือคว้าไปคว้ามาโดนเพื่อน ถูกต้องตัวกัน แต่ไม่ได้พูดกัน เพราะเจ็บ ต้องร้องกันตลอดเวลา ไม่ได้หยุด ต้องร้องอย่างที่เขาว่ากันว่าเปรตก็คือสัตว์นรกที่อยู่ ด้วยความหิวโหย

กินลูกไฟก็มี บางทีตาใหญ่ ตาถลนออกนอกตา ตาใหญ่ ตาเป็นลูกไฟ ฮือๆ หลายคนหลายอย่างเป็นไม่เหมือนกัน ท่านสั่งบอกว่าอย่าสำแดงอิทธิฤทธิ์ ถ้าขึ้นมาโลกมนุษย์ กลับลงไปถูกทำโทษหนัก เจ็บอีก อย่าแสดงอิทธิฤทธิ์ให้มา บอกดีๆ ให้มาขอบุญเขาดีๆ เขาเปิดโอกาสให้แล้ว อย่าทำชั่วอีก มิฉะนั้นจะไม่ให้ขึ้น ไม่ให้มาบอก ไม่ให้มาขอบุญจากพี่น้องอีก โอกาสสุดท้ายวันนี้ ให้มาบอกกล่าวอะไร ให้บอกให้หมดอย่าเก็บไว้ เล่าให้มนุษย์เขารู้ ให้ชาวโลกเขารู้ ว่าพวกเปรตสัตว์นรกเหมือน พวกเราอยู่กันอย่างไร อดๆอยากๆ กินเนื้อกินขี้ของตัวเอง ควัก พุงควักไส้ตัวเองออกมากิน เพระหิวเพราะโหย ฮือๆ

ที่กูเล่าที่กูพูด เขาสั่งให้มาบอกนั่นแหละ กูควักไส้ เอาเนื้อ ตัวเองมากิน เอามือแหวกอกควักหัวใจมากิน กินทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะความที่อด ที่หิว กูกินหมดภายในร่างกาย ในตัวเรานี่ กินตัวเองหมดเลย บางครั้งมันหิว เจ็บ เลือดท่วมตัวก็ต้องกิน กูบอกแล้ว ว่าเปรตอย่างกู ไม่มีใครต้องการ เพราะทำชั่วมากเกินกว่าที่เขาต้องการ ฮือ ๆ

ครั้งแรกไปถูกทรมานในนรกก่อนหลายร้อยปี พอทรมาน ในนรกจนพอแก่โทษที่ควรแก่การได้รับแล้ว กูก็ไปเป็นเปรต และในวันนี้ ในเทศกาลเดือนสิบ เขาปล่อยขึ้นมา กูจึงได้ขึ้นมา หน้าสถานธรรมในเวลานี้ มีเปรตอยู่มากมาย

แล้วก็มีวิญญาณอื่นที่มาจากนรก ที่ไม่ใช่วิญญาณเปรต แต่ เป็นบรรพบุรุษของพวกพุทธบริกรที่มาทำงานในวันนี้ มีกันมาบ้าง แล้ว นั่งอยู่ข้างต้นไม้โน่น ฮือๆๆๆ

พวกเปรตกูมาขอบุญกับพวกสูนั่นแหละ เขาให้มาขอบุญกัน ฮือๆๆ กูไม่มีลูกหลาน ไม่มีพี่น้องแล้ว กูไม่รู้ว่าเขาจะให้กิน หรือเปล่า! กูไม่รู้ ถ้าเบื้องบนที่พวกสูพูดถึงคือคนแก่ๆ ขาวๆ นะ ถ้าเขาอนุญาต หรือบอกให้พวกกูมากิน

กูหิวเหลือเกินแล้ว กูผอมนี่

กลับไปครั้งนี้ไม่ดื้ออีกแล้ว กูกลัวแล้ว กูเข้าใจ เขาพูดให้กู ฟังตั้งมากมายแล้ว เขาพูดให้ฟังมากมายเหลือเกินแล้ว ทั้งพูดดี ทั้งขู่ ให้พวกกูเข้าใจ

กูอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงบรรยายธรรมด้วย ได้ยินทั้งหมด เลยแหละ ฮือๆๆ พวกกูเป็นผี ไม่ใช่คนเหมือนพวกสู เมื่อพวกเจ้าทำ อะไร กูได้ยินแต่ไม่ชัด

เขาให้กูมาบอกพวกมึงโดยเฉพาะ ว่ากูเป็นเปรตอยู่ที่นรก ฮือๆๆๆ ช่วยกูด้วย กูมาขอบุญ ให้พวกสูช่วยทำบุญให้กูสักเล็กน้อย (เสียงร้องลั่นจนฟังไม่รู้เรื่อง กลบเสียงที่เราพูด จนฟังไม่ได้ ความว่าพูดอะไร ฮือๆๆๆ เมื่อพูดว่าจะให้บุญ เขาจะร้องไห้ คร่ำครวญน่าสงสาร นี่แหละ พี่น้องเอ๋ย ตอนเป็นมนุษย์ ไม่สร้างบุญ ยังลบหลู่คุณความดีของผู้อื่น ตายแล้ว ลงลึก พี่น้องข้างหลังก็ไม่เข้าใจ ไม่เชื่อ ไม่ส่งบุญให้ เขาก็ลำบาก ทุกข์ทรมาน น่าสงสาร เช่นนี้แหละ)

เขาสั่งให้มาบอกว่า ให้ลูกหลานมาที่นี่ให้มาก เพื่อช่วยบรรพ บุรุษ ให้ลูกหลานมาสร้างบุญ ช่วยพวกไม่มีญาติด้วย ช่วยคน ที่ไม่มีพี่น้อง ช่วยพวกเปรตสัตว์นรกทั้งหมดให้ขึ้นมาด้วย ถ้าเรา ไม่ส่งบุญไปให้ เขาก็ไม่ได้ขึ้นมา เขาต้องอยู่ข้างล่าง ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เขาจะอยู่จนโลกนี้แตก ให้ช่วยกัน เขาสั่งความให้กูมาบอก ให้ช่วยพี่น้องให้มากที่สุด พี่น้องที่ยังอยู่ ข้างล่างยังมีอีกมาก เปรตอย่างพวกกูก็ยังมีอีกมากมาย ฮือๆๆ กูจะไปแล้ว

ที่นี่เป็นสถานธรรม คนทั้งหลายทั่วไป เขาก็ไม่เชื่อว่าสถาน ธรรมจะมีบุญอะไรให้ ต้องไปที่วัดโน่นถึงจะมีบุญ

ที่นี่ท่านบอกว่า คนหัวขาวที่พวกสูเรียกว่าพ่อปู่ บอกว่า ที่นี่มันบริสุทธิ์ ไม่มีชีวิตอื่นเดือดร้อน สูไม่ฆ่าเขาแล้ว มีแต่พระ อยู่ทั้งนั้น พวกสูนุ่งขาวห่มขาวอยู่ที่ใจข้างใน ไม่ใช่นุ่งขาวห่มขาว ข้างนอก พวกสูถือศีล บำเพ็ญเป็นเหมือนพระพุทธะ พวกสู ตั้งใจช่วยเหลือมนุษย์ ช่วยเหลือชีวิตสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก พวกสู อยากได้มรรคผล อยากให้สูงส่ง อยากคืนสู่นิพพาน ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะว่าพวกสูยังนุ่งห่มเหมือนคนธรรมดา แต่ขอให้ทุกคนเชื่อว่า ที่นี่มีบุญให้เต็มจริงๆ พวกเขาไปที่วัดก็ได้บุญแค่นิดเดียว พี่น้องที่ตายไปแล้วก็ไม่ได้กิน ไม่ได้พบ ไม่ได้พาบุญที่พวกเขาทำให้ เพราะว่าพวกเขาฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พระก็กินเข้าไป ก็ทำเป็นนักเลงใหญ่โต เพราะไม่ได้สร้างบุญให้วิญญาณบรรพบุรุษ เขาเลยไม่ได้รับบุญ แต่ถ้ากูมาที่นี่แล้วบุญก็ได้เต็มที่ เจ้ากรรมนายเวรของพวกสูได้ รับเขาก็ดีใจ ตอนนี้เขาปล่อยแล้ว ปล่อยให้พวกสูได้บำเพ็ญ ให้ พวกสูได้สร้างบุญสร้างกุศล ให้ส่งให้เขาบ้าง เขาบอกว่าเขาก็ดีใจ เขาก็อยากพ้นทุกข์ ไม่อยากจองเวรกับพวกสูแล้ว เพราะเขา บอกว่า ถ้าหากว่าโลกนี้ปิดแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปเกิดเหมือนกัน เขาจึงปล่อยให้พวกสูได้สร้างบุญให้กับเขาบ้าง แต่ไม่มาก ถ้าสู ตั้งใจเขาก็อนุโมทนา แต่ถ้าสูขี้เกียจ สูไม่ตั้งใจ เขาก็จะเก็บ เขาจะ เอาถึงตาย บางรายเขาเจ็บนอนที่นอน นี่เขาบอกว่าให้เชื่อที่กูพูด นี่คือเรื่องจริงทั้งนั้น แต่ถ้าสูไม่เชื่อ สูจะประสบกับตัวเอง เวลา พวกสูตาย พวกสูลงนรกไม่ได้เกิดที่ไหนอีก เพราะว่าข้างล่างเขาจะ ปิดบัญชีนรกแล้ว

ตายายยังอยู่ ไม่ไปไหน ตายายของพวกมึงทั้งหมดคอยกัน วันนี้พวกมึงอ่านชื่อเขาก็มารวมกันเป็นกลุ่มๆ บรรพบุรุษ ตายาย ของใครของมัน มึงชื่ออะไร เขาให้ไปยืนเป็นกลุ่มอยู่ตรงนั้น

พอเจ้าอ่านชื่อเขาก็เรียกขึ้นมาทันทีเลย เรียกมายืนเป็นกลุ่ม เขามายืนคอย พรุ่งนี้ก็ขึ้นมาหมดพร้อมๆกัน (หมายถึงวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕) พรุ่งนี้พ่อมึงมา พรุ่งนี้มากันแน่น ไม่มีที่ยืนอีก ทหารของพญายมต้องมาเป็นหมื่นๆ ต้องมาคุม เพราะว่าบางทีวิญญาณบรรพบุรุษหรือตายายของพวกมึงนั้น เมื่อมาเห็นพวกมึงแล้ว ไม่อยากจะกลับลงไปข้างล่างอีก อยากอยู่กับลูกกับหลาน บางคน ก็เริ่มมีอาการดื้อๆ พอเห็นลูกเห็นหลานคิดถึง แต่ลูกหลานมอง ไม่เห็น มันไม่รู้ แต่นี่แหละมันอยากจะมากัน

มีคนรับธรรมะแล้วไม่สนใจที่จะมาฟัง แต่เวลาไปที่อื่นเท่า ใดก็เท่ากัน เขาไม่เชื่อว่าที่นี่มีบุญให้ เขาไม่เชื่อว่าฟังธรรมที่นี่ได้ บุญ แถมเขายังไม่เชื่ออีกว่าบรรพบุรุษได้รับผลจากการมาช่วย งานที่นี่

เพราะมันไม่เชื่อ หาว่าพวกสูเอาเงินเอาทองมากิน มาบำ เรอกันเล่นๆ แต่หารู้ไม่ว่านี่คือบุญใหญ่ทั้งนั้น บุญที่พวกสู หาที่ไหนไม่ได้แล้ว เพราะจากที่กูบอกเมื่อกี้ว่า ที่นี่มันบริสุทธิ์ แล้วมนุษย์บางคนจิตมันยังคิดแต่สิ่งสกปรกโสโครก คิดแต่ของ อุบาทว์ทั้งนั้น เรื่องไม่ดีมันก็คิด มันเลยคิดว่าพวกสูคงจะมีจิต เหมือนมัน เมื่อให้เงินมาก็คงจะทำในทางที่ไม่ดี นี่คือความคิด ของคนที่ไม่ดี มันเลยไม่ค่อยจะสนใจ อยู่จนลูกหลานลืมหมดแล้ว กูยังอยู่นรกพวกมึงเชื่อเถอะ ฮือๆๆๆ มึงมาสร้างบุญที่นี่ กูได้พลอย อาศัยด้วยสักนิดก็ยังดี วันนี้ กูขอ กูขอ ฮือ ๆ ๆ ๆ

ของที่จะพามาที่นี่ เมื่อมาถึงแล้ว เราทะนุถนอม ไม่ให้ตกไม่ ให้หล่นสักนิดเดียว เป็นที่อื่นเขาทิ้งเขาขว้างกันสารพัด เขาก็ยังยิน ดีที่จะทำอย่างศรัทธามั่น

ที่นี่มึงเอามาเถอะ เขาถวายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กูไปเห็นมาแล้ว เมื่อวานซืน สองสามวันมาแล้ว

กูไปเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เขาสวย เขาสะอาด ใส่ชุดสวย ทุกคนเลย ขนาดแค่ผมยาวหนวดขาวก็ยังสวยเหมือนเด็กหนุ่มนี่ ถือไม้เท้าหลังค่อมจะตายแล้วก็ยังสวย กูอธิบายไม่ถูก กูดีใจ กูได้ไปพูดกับคนชื่อชีวกนั่นแหละ มึงเชื่อหรือไม่ ดีเหลือเกิน กูไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ฮือๆๆ กูยอมรับว่า ตั้งแต่กูเกิด กูยัง ไม่เคยพบคนดีอย่างนี้เลย กูไหว้ไม่ได้หยุด กูไหว้เป็นหมื่นๆ แสนๆ กูไหว้อยู่อย่างนั้น กูไปมาแล้ว ฮือๆๆ

พวกมึงทำเถอะน่ะลูกเอ๋ย ทำเถอะ ทำเผื่อกูด้วย ของที่พวก มึงเอามาถวายที่สถานธรรม ข้างบนเขาจดกันไม่มีที่เก็บแล้ว สมุด จดไม่มีที่เก็บแล้ว เขาจดกันมือขวั้นหมดแล้ว (ร้องไห้ฮือๆๆ ตลอด เวลาที่พูด)

วันนี้ เป็นเทศกาลโปรดสามโลกครั้งยิ่งใหญ่ วิญญาณที่อยู่ลึก เท่าใดก็ได้ขึ้นมาเฉพาะที่พุทธสถาน เป็นสถานที่บริสุทธิ์ เรียกว่า เป็นแดนวิสุทธิ์ในโลกโลกีย์ บุญกุศลที่เจ้าสร้าง ที่เจ้าทำ แม้แต่ เพียงเล็กน้อย บุญนั้นมีผลกระทบแก่บรรพชน พ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา ทวด ที่อยู่ในนรก

พวกเขามากันมากมายเต็มไปหมดแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมา เต็มไปหมดแล้ว เขามาจดชื่อ บางคนเอาลูกผลไม้ทิพย์มาให้กินกันแล้ว ให้กูมาบอกเรื่องเปรตวิญญาณในนรก ทุกข์ทรมานขนาดไหน ถ้าลูกหลานไม่ช่วยครั้งนี้จะช่วยครั้งไหน ช่วยครั้งสุดท้าย (ฮือๆๆ) ช่วยทีสุดท้าย

คนทั่วไปเขายังไม่เชื่อ และยังไม่รู้ว่านรกจะปิดแล้ว หมาย ความว่า……ช่วยครั้งสุดท้ายแล้วนะ ให้พวกกูได้ขึ้นมาด้วย

กูได้เล่าความจริงให้ชาวโลกได้รับทราบแล้ว กลับไปเที่ยวนี้ กูสำนึกแล้ว กูได้ยินข้างบนเขาสอน

แสงกูมีนิดหนึ่งแล้ว พวกสูให้เมื่อสักครู่

กูเจ็บ กูหิว สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาความเจ็บเบาลงแล้ว เพราะกูได้ให้หลักฐานที่เป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนทั่วไปในวัน ข้างหน้าคนจะได้ไม่ทำความผิดบาป เป็นเปรตเหมือนพวกกูลำ บากนักหนา ข้าวไม่มีกิน เสื้อผ้าไม่มีใส่ เดินไข่ห้อยโตงเตงก็มี เพราะว่าไม่มีอะไรปิด มีแค่ซี่โครง เหมือนหนังหุ้มกระดูก เจ็บปวดเมื่อถูกทรมาน เมื่อลูกหลานไม่ส่งบุญให้ มันหิว มันเจ็บ มันแสบ กูบอกไม่ถูก มันทรมานสุดๆ ที่สุดของที่สุดคือพวกเปรต (ฮือๆๆ ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก เป็นระยะๆๆ)

ความเจ็บนี่ไม่อาจจะบรรยายได้

กูคุยกับพ่อปู่ตั้งแต่ตอนเช้า เขาบอกให้กูมาตอนเย็น แต่กูบอกว่า ให้กูมาบอกก่อน ตอนเย็นอีร่างนี้มันจะไม่ว่างอีก มันต้องสร้างบุญ กูต้องมาก่อน เขาเลยให้กูมา ตั้งแต่มันยืนทำอะไร อยู่บนโต๊ะโน่นแล้ว เมื่อตะกี้นะ กูมาแล้ว แต่ไอ้ตัวเล็กข้างใน มันไล่ มันต้าน กูเลยถอยไปนิดหนึ่ง แต่พ่อปู่บอกว่าไม่ได้ งานใหญ่ต้อง มาบอกมาพูด มิฉะนั้นคนไม่รู้ เขาไม่เชื่อว่าเปรตอย่างกูมีจริงๆ (ฮือๆๆ)

หลายคน(วิญญาณ)อยากจะมาให้หลักฐานเยอะแยะไป หมด ตายายบรรพบุรุษมากมายคอยคิวกันยาวเหยียด แต่ว่าโอกาส วาระไม่มี เขาเหล่านั้นจะมาหาลูกหลาน จะมากอดลูก หลาน เขาดีใจที่ลูกหลานมาที่นี่เขาบอกว่าเขาได้บุญเต็ม เขาได้ใส่เสื้อสวย กันแล้ว หน้าตาสวยมีดอกบัวอยู่ในมือกันแล้ว นุ่งผ้าถุงก็สวย นั่งคุกเขาก็สวย ฮือๆๆๆ

เขาบอกว่าพรุ่งนี้เช้า เขาจะมารวมญาติพี่น้องกันที่นี่อีก ครั้งหนึ่ง ญาติพี่น้องเท่านั้นที่จะช่วยตายายบรรพบุรุษที่ตายแล้ว พ้นจากขุมนรกได้ ถ้าพี่น้อง (กายเนื้อ) ไม่มารวมกันที่นี่ พี่น้อง (วิญญาณ) ข้างล่างก็ไม่ได้มา มันแตกกระจัดกระจาย ไม่ได้มารวม เป็นกลุ่มเป็นก้อน สูเขียนชื่อเหมือนเมื่อตะกี้ แล้วเขาจะมารวม และมายืนกับสูด้วย สูได้ช่วยเขาให้พ้นจากขุมนรก พ้นจากการ ทรมาน เขาได้มาฟังธรรมะกันด้วย ฮือๆๆๆ

คนที่มาที่นี่ กับคนที่ไม่มาที่นี่ ต่างกันลิบลับ ถ้าลูกหลานกายเนื้อมากันที่นี่น้อย บรรพบุรุษจึงมาได้ไม่มาก แต่ถ้าคนเชื่อ มาที่นี่กันมืดฟ้ามัวดิน บรรพบุรุษก็จะได้มากันสิ้นภพสิ้นชาติ เขาอยากจะมากันจะตายอยู่แล้ว แต่ว่าบางตนไม่มีสิทธิ์ได้ขึ้นเลย เพราะว่าลูกหลานไม่มา ลูกหลานไม่เชื่อ

ขาร้องกันจะตายแล้ว พวกวิญญาณที่อยู่ข้างล่าง ที่ลูก หลานไม่มา ร้องๆๆๆ แล้วแช่งด้วยที่ลูกหลานไม่สนใจ เขา อยากให้ลูกหลาน (กายเนื้อ) มาสร้างบุญให้เขาบ้าง ให้นึกถึงเขา บ้าง ฮือๆๆๆ

วิญญาณในนรกที่ลูกหลานไม่……ฮือๆๆๆ

เขาบอกว่าให้ช่วยครั้งสุดท้าย ให้ช่วยวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ให้ช่วยกันมาฟังธรรม (หมายถึงลูกหลานกายเนื้อ) ให้ช่วยกันมา สร้างบุญ ให้มาช่วยวิญญาณบรรพบุรุษ ให้ช่วยสัตว์ ทั้งหลายให้ ช่วยให้หมดนรก ทั้งสัตว์โลกด้วย ให้ช่วยกันให้หมดสักครั้งหนึ่ง ท่าน บอกว่าโลกจะเป็นสีฟ้าที่สวย ถ้าเราช่วยกัน ท่านบอกว่ามนุษย์ เท่านั้นที่จะช่วยได้

นี่คือกฎแห่งกรรม ผู้ที่ทำกรรมไว้อย่างไร ก็ย่อมได้รับผล อย่างนั้น …..

ท่านสั่งมาว่า คนเราที่ร่ำรวย อย่ากินทิ้งกินขว้าง ถ้ากินทิ้งกิน ขว้าง วันไหนถ้าพวกมึงตายไปเป็นเปรตเหมือนกู อดๆอยากๆ หิวๆ โหยๆ ให้ระวังให้ดี พวกที่มีเงินมีทอง ที่เที่ยวกินทิ้งกินขว้าง พวกมึงจะลงไปอด กินน้ำวันละหยด กินข้าวทีละครึ่งเม็ด แล้วพวกมึงจะรู้สึก มีเงินมีทองไม่คิดสร้างบุญสร้างกุศล ฮือๆๆๆ แล้วพวกมึงจะลงไปกินขี้กินเยี่ยวเหมือนกู ฮือๆๆๆ

คนที่กินทิ้งกินขว้างธัญญาหาร เพราะถือว่าตัวเองมีเงิน มีทอง จะกินจะใช้อย่างไรก็ได้ เข้าข่ายเดียวกันทั้งหมด แล้วมึงจะ รู้สึก ถ้าพวกมึงลงไปเป็นเปรตเหมือนกู ได้กินของทีละเล็กทีละ น้อย เท่าปลายเล็บ เท่าปลายเข็ม มึงจะอดๆอยากๆ ถึงเวลาแล้ว กูต้องกลับแล้ว เขาให้กูมาไม่นาน ฮือๆๆๆ

ขอได้เข้าใจเรื่องการสร้างบุญอย่างชัดเจน ใครทำงานที่นี่ ได้ทั้งนั้น ฮือๆๆๆ พ่อปู่บอกว่า ให้พวกมึงทำงานให้กลมเกลียวกันให้มากกว่านี้ อย่าขัดแย้งกัน เบื้องบนปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว เพราะพวกมึงขัดแย้ง ไม่ค่อยจะลงรอยกัน สักเล็กสักน้อยมึงก็ต่อยาว ลิ้นกับปากอย่ากระทบกันเถอะ พ่อปู่ว่าให้พวกมึงพูดหวานๆ ค่ะ ขา ไว้มั่ง ให้ไพเราะ เบื้องบนโน่น จดแล้วลบ ลบแล้วจด เรื่องพวกมึงนั่นแหละ

พ่อปู่ว่าตีกันเอง เฒ่าจะตายโหงอยู่แล้ว ไม่รู้ใจตัวเองว่าพูดกันอย่างไร

พ่อปู่ว่าให้พวกสูทำงานกันให้ดีก็แล้วกัน เตือนแค่นี้แหละ แล้วพวกมึงจะได้ช่วยบรรพบุรุษได้ ขึ้นหมดเกลี้ยงนรกสักที อยู่ที่เรา……

นี่แหละ กูพูดได้เพียงแค่นี้แหละ ถึงเวลาแล้ว เพราะว่ากูมา นานไม่ได้ เขากำหนดเวลาให้กูมา กูเป็นแต่เพียงแค่เปรต สัตว์นรก ฮือๆ ได้มีโอกาส ฮือๆ ได้ขึ้นมานั่งคุยกับพวกมึงในวันนี้ ฮือๆ ก็บุญใหญ่แล้ว ถ้าสูไม่ขอ ไปกูก็ยังไม่ได้มา ฮือๆ

ณ มูลนิธิชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

วันพุธที่ ๙ เดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ เวลาประมาณ ๑๑.๒๕ น.

วันนี้ มูลนิธิฯได้จัดงานวันส่งตายายประจำปี พ.ศ.๒๕๔๕ เนื่องในเทศกาลส่งตายายประจำปี ซึ่งได้จัดมาหลายปีแล้ว แต่ จัดหลังจากวัดวาอารามต่างๆ ได้จัดเสร็จแล้วประมาณ ๓ วัน ในเทศกาลส่งตายายนั้น ทางวัดได้จัดวันสาร์ทรับตายายเมื่อวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๐ และส่งกลับวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ซึ่งเรียกกันว่า “วันส่งตายาย” ส่งไปไหน ส่งไปรับความทุกข์ ทรมานเช่นเดิม แล้วรับมาทำอะไร รับมาให้ได้กินข้าวของ เพราะตลอดเวลาที่รับโทษทรมาน ทุกข์ยากอยู่ในอบายภูมิ ไม่มี โอกาสได้กินอะไรเลย หิวโหยตลอดเวลา ที่่มูลนิธิฯจัดเลี้ยงใน เทศกาลเดือนสิบนั้น มิได้เลี้ยงเฉพาะเปรต แต่เลี้ยงสัตว์นรกทั่วไป ที่สามารถขึ้นมาได้ เปรตที่มีญาติมาสถานธรรมหรือไม่มาก็อนุญาต ให้วิญญาณไร้ญาติมากินได้ พระมาลัยจึงนำพาวิญญาณเปรตไร้ ญาติเหล่านั้นให้มากินได้

ขณะที่กำลังแสดงความยินดีต้อนรับ และบอกให้สัตว์นรกทั้งหลายกินอาหารกันอย่างอิ่มหมีพีมัน ตามเจตนาของผู้จัดเลี้ยง เมื่อเชิญแขกมากินเลี้ยง ก็กล่าวเชิญชวนเขา เขาจะได้ไม่อึดอัด ให้ แขกกินกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น เปรตตนหนึ่งก็ได้แสดงตัวเป็น หลักฐานด้วยการร้องโหยหวน ต่อเนื่องยาวนาน และเสียงร้อง แสดงถึงความหิวโหย เจ็บปวดทรมาน

เขาให้กูมาเป็นตัวแทน บอกลูกบอกหลานมากันมากมาย ตอนนี้แทบจะยืนไม่ถึงดินกันแล้ว

กูชื่อยายนิ่มลูกหลานของกูไม่มา มันออกทะเล แต่กูก็ได้กิน ก็ที่พวกมึงให้กูกิน กูอยู่ปากพนัง กูตายมา ๓๐๐ กว่าปีแล้ว ตายตอนอายุ ๑๑๒ ปี

มึงอย่าถามพอตายแล้วไปที่ไหน มึงก็รู้แล้ว ที่กูได้มาวันนี้ (ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา)

กูเป็นเปรต (ร้องไห้)

กูไปนรกก่อน พอเหลือเศษกรรมไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ก็ต้องลงมาอยู่ขุมลึกของเปรต ลงขุมที่ ๘

พอตายไปก็ต้องไปนรก แล้วก็ถูกส่งไปหลายๆขุม หลุดจาก ขุมนรกมาเป็นเปรต ๓ ปีมาแล้ว (ขณะที่มาแสดงหลักฐาน วันพุธที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ เวลาประมาณ ๑๑ นาฬิกา)

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์(พระมาลัย) ให้มาที่นี่มาบอกลูก หลานว่าให้ช่วยบรรพบุรุษของพวกมึงให้เกลี้ยงนรกสักที

วันนี้ที่เจ้าประกาศชื่อ ตายายขึ้นมากันมาก เหยียบไม่ถึงดิน ขี่คอกันมานัวเนีย

ที่เจ้าพูดตอนที่ตายายกำลังกินกันอยู่ ทุกวิญญาณได้ยินทั้ง นั้น พวกสูทำอะไร พวกสูแสดงละครกูก็เห็น ฮือๆ

เขาให้กูมาเป็นตัวแทน บอกให้คนที่อยู่ในที่นี้ ให้เข้าใจ กฏแห่งกรรม กฏแห่งกรรมมีจริงๆ พระกษิติครรภ์มีจริงๆ นรกมีจริงๆ ตอนนี้กูยังอยู่ข้างล่าง แต่เขาได้เมตตาให้กูได้มาบอกพวกมึงทั้งหลาย ให้สร้างบุญให้เร็ว ช่วยคนข้างล่างให้ขึ้น อย่าให้เขาอยู่ในกองไฟนรกเลย ไม่มีบุญก็เผาทุกวัน ไฟเผาทุกวัน เผาจนไม่มีชิ้นดีแล้ว ฮือๆ

วันนี้มากันแน่น เต็มไปหมด ฮือๆ กูดีใจ ลูกหลานกูไม่มา แต่พวกมึงใจดี ให้กูได้มากินข้าวกัน ฮือๆ

พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ท่านอนุญาต ท่านอยากจะช่วย วิญญาณเหมือนกัน แต่บางวิญญาณมันยังดื้อให้อภัยไม่ได้

วันนี้ ถึงแม้ลูกหลานกายเนื้อไม่ได้มาที่นี่…(งานวันส่งตายายจัดที่ไท่ชุนทุกปีมา แต่จัดงานหลังวันส่งตายายที่วัดสามวัน) แต่กูได้มา ฮือๆ เพราะมึงบอกลงไป มึงบอกว่าถึงไม่มีพี่น้อง ก็ให้ มากินได้

พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จึงอนุญาต มามากมายที่ดื้อก็ไม่ได้ ขึ้น ฮือๆ

เสร็จจากที่นี่แล้ว ท่านจะให้กลับไปข้างล่างอีกแหละ ฮือๆ

ในเทศกาลโปรดสามโลกนี้ คนที่เป็นกายเนื้อรับธรรม เปิดจุดแล้ว ตั้งใจบำเพ็ญ ชาติเดียวหลุดพ้นไปนิพพานได้ หลังจาก ตั้งใจบำเพ็ญ เมื่อถูกทดสอบก็ไม่ท้อแท้ถดถอย บรรพบุรุษที่อยู่ใน นรก ได้เลื่อนฐานะตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ ตามลำดับแห่งขั้นการบำเพ็ญของลูกหลานกายเนื้อนั้น ไม่ว่าจะเป็นเทวดาบนสวรรค์ก็ได้รับผล เช่นเดียวกันจากการบำเพ็ญของลูกหลานกายเนื้อ!

สูอย่าโง่นักเลยลูกหลานเอ๋ย อย่าโง่ ได้ของดีแล้วรักษาไว้ให้ดี อย่าให้ไปจมปลักเหมือนกูนะลูกหลานเอ๋ย ฮือๆ

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ให้กูมาบอก ฮือๆ ท่านบอกว่าสงสาร สัตว์นรกเหลือเกิน แต่เพราะทำความชั่วตอนที่มีชีวิตท่านก็ช่วย อะไรไม่ได้ เพราะตัวเราทำตัวเราเอง ท่านสงสารอยากจะช่วย แต่กฎแห่งกรรมก็ต้องทำตามกฎแห่งกรรม ฮือๆ

กูไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะอยู่ได้ไหม (พรุ่งนี้เป็นวันจัดชั้นเรียนสำนึกบาป ๒ วัน คือวันที่ ๑๐ และ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ ที่มูลนิธิฯ)

กูไม่มีสิทธิ์ขอ เพราะกูเป็นสัตว์นรก กูเป็นเปรต ฮือๆ

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ท่านให้มาบอกลูกหลานที่เป็น มนุษย์ วันนี้ได้สร้างบุญใหญ่ ช่วยคนพเนจรได้มากให้เขาได้มารับบุญ ได้กินข้าว ได้กินน้ำ แต่ละคนหิวโหย อดโซ หิวจนไส้กิ่วแล้ว

ตอนนี้สดชื่นกัน อิ่มกันทุกคนแล้วลูกเอ๋ย อิ่ม กูก็อิ่ม

ท่านบอกว่าอยู่นานไม่ได้ เพราะมีคนตายวิญญาณบาปมากเหลือเกิน ต้องลงไปตัดสินความวิญญาณบาป

ท่านบอกว่าต้องไปทำงานให้ไฟนรกเผาวิญญาณแล้ว ไม่มี โอกาสมากเท่าไหร่ที่จะมาโลกมนุษย์ วิญญาณบาปมากเหลือเกิน ยิ่งมากขึ้นทุกๆวัน ฮือๆ

กูต้องลงไปแล้ว ฮือๆ กูไม่มีลูกมีหลานมาสร้างบุญเหมือน พวกมึง กูอิจฉาคนอื่นที่เขามีลูกมีหลานมาฟังธรรม เขาได้แต่งตัว สวยๆ ได้นั่งเก้าอี้สวยๆ แต่กูไม่มี ฮือๆๆๆ

วิญญาณดารากร พรพิมล  

   
ณ มูลนิธิชินบัญชร ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

วันเสาร์ ที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ เวลา ๑๒.๒๕ น.

มีวิญญาณตนหนึ่งมาอาศัยร่างเพื่อจะมาบอกเรื่องราว ร้อง ด้วยความเจ็บปวด ทำให้รู้ว่าเป็นวิญญาณที่ถูกทรมานจากนรก

ช่วยด้วย! ช่วยที เร็วๆ เจ็บ ไฟไหม้หมดแล้ว

ช่วยด้วย ช่วยเราด้วย ตามตัวเจ็บไปหมด ช่วยหยิบหนาม ออกให้ที ได้โปรดเถอะ อย่าทำข้าเลย

โอ๊ย! มันเจ็บ มันเปื่อยเน่าทั้งตัวแล้ว มาจากนรก ลูกหลาน เอ๊ย กูอยู่บนต้นงิ้ว

โอ๊ย! มันเปื่อย มันเจ็บ เขาให้กูขึ้นมา

โอ๊ย! ยังเปื่อยเน่าอยู่เลย น้ำเหลืองน้ำหนองเต็มหมดแล้ว เขาไม่ให้ช่วย เขาให้เจ็บ เขาว่ากูจะไม่สำนึก เขากลัวกูหนี เขาคุม ไม่ทันเขากลัวว่าจะหนี กูเจ็บ กูทนไม่ไหวแล้ว

กูชื่อ ดารากร พรพิมล กูเป็นผู้หญิงหากิน กูเป็นกะหรี่ โอ๊ย! กูเจ็บไปหมดแล้ว กูอยู่บนต้นงิ้วกูปีนต้นงิ้ว กูเป็นคนนคร อำเภอ ปากพนังกูอยู่ปากพนังฝั่งตะวันตก กูตายนาน ๑๐๐ ปีแล้ว

กูชอบเอาผัวเพื่อน ตอนนั้นอายุ ๒๐ กว่าปี

กูเอาทั้งนั้น ถ้าพอใจ โอ๊ย! โอ๊ย! หอกติดหลัง เจ็บ! ทำอาชีพนี้ ได้เงินบ้างไม่ได้บ้าง กูทำตามอยาก

ตอนมีชีวิตลำบากแร้นแค้น ตอนตายอายุ ๗๐ ปี เลิกแย่ง ผัวเพื่อนตอนอายุ ๖๐ กว่าปี ชีวิตเกิดมาไม่ได้สร้างบุญเลย กูอาย! กูอาย กูทำบาป กูทำชั่ว

กูอยู่กับลูก เวลาเจ็บไข้ ลูกคอยดูแล มีแฟนแฟนก็ตายก่อน กูก่อนจะตายเป็นไข้จับสั่น ได้แต่กินยาสมุนไพร มันทรมาน มัน เย็น มันร้อน ปวดตามกระดูก ตามเส้น เจ็บตามตัว ผอมลงๆ กิน อะไรไม่ได้ เจ็บคอ เป็นไข้จับสั่นอยู่สิบกว่าวันก็ตาย

มาที่นี่ในครั้งนี้เพื่อมาบอกว่าพวกเปรต พวกสัตว์ทั้งหลาย นรกวิญญาณขึ้นมาแล้ว ให้เตรียมตัวต้อนรับเขา เขาจะมาขอบุญ ขอกุศล ให้ลูกหลานสร้างบุญสร้างกุศลให้ด้วย เพราะถ้าลูกหลาน ไม่มา เขาก็ไม่ได้มา เขาให้มาบอก กูขออนุญาตให้กูพูดก่อน เพราะ ไม่มีลูกไม่มีหลาน ช่วยกันนะลูก

นรกมีจริงๆ เขาเจ็บ กูอยู่แต่ในกองไฟ กูปีนแต่ต้นงิ้ว ถูกหมา ปากเหล็กกัด กูถูกกาจิกทุกวัน กูถูกเหล็กแหลมแทงทุกวัน กูเจ็บ! มันเน่า มันเปื่อย ช่วยกูที

คนสมัยนี้เห็นสิ่งภายนอก นอกจากผู้ปฏิบัติธรรมเท่า นั้นแหละที่เข้าใจ คนทั่วไปเขาไม่เข้าใจ เขาสนุกกันอย่างเดียว เขาว่าใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เกิดมาแล้ว ผลสุดท้ายเขาไม่เชื่อกัน ไม่เชื่อ เขาก็ต้องลงไปอีก พวกเราพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ เท่าที่จะทำได้ ในการทำหน้าที่ตรงนี้ จะถูกขัดขวางไม่น้อย เราตรากตรำลำบาก คนไม่ค่อยยอมรับ ท่านเห็นไหม เราพยายามที่จะให้คนทั้งหลายได้ เข้าใจ มันยากเหลือเกิน เข้าใจไหม ท่านเล่าไปเลย เล่าให้มากที่สุด จะเป็นแบบอย่างเอาไว้พิมพ์หนังสือ

อย่าเที่ยวเหมือนกู อย่าคบชู้ อย่าแย่งผัวเพื่อน รักใครชอบ ใครให้เป็นตัวเป็นตน อย่าเป็นหญิงโสเภณี ดูตัวอย่างกูสิ อยู่ใน นรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ต้องอยู่กับกองไฟ ปีนแต่ต้นงิ้ว พอปีนขึ้นไป หนามพุ่งเข้ามาแทงฝังอยู่ในเนื้อ ถูกแทงถูกตีถูกฟัน พอตกลงมา สุนัขปากเหล็กมันกัด มันฉีกเนื้อทั้งหมด อีแร้งก็มี

เขาเอาหอกแทงข้างหลัง ยมบาลมันแทงทะลุหน้าทะลุหลัง สมกับความอยากที่มีตัณหา เขาสอนว่า ตัณหามาก ตัณหาจัด ทำตัวไม่ดี ทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิง ไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือน ทำตัวเป็นกากีเขาบอกว่านี่แหละผลกรรมที่มึงทำไม่ดี แย่งผัวเพื่อน มีความสุขแค่ชั่วคราว ผลกรรมมึงได้รับแบบนี้ ถ้ามึงขืนทำอีก ถ้าไปเกิดใหม่ มันยิ่งหนักกว่านี้ มึงจะได้เกิดเป็นหมาจะได้เป็น สัตว์ ๔ ขา

เขาบอกว่าต้องไปเกิดเป็นหมา เขาให้มาบอกว่าอย่าทำชั่ว เป็นผู้หญิง ให้เป็นกุลสตรี ให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน อย่าทำตัวสำส่อนไม่เช่นนั้นต้องลงนรกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครท่านบอกว่าจะ ไม่ไว้หน้า ถ้าทำชั่วเรื่องโลกีย์แบบนี้ เขาถือว่าเป็นบาปใหญ่หลวง ไม่เหมาะสมที่จะเกิดเป็นผู้หญิง หวังเงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ ความสุขแค่ชั่วคราว เขาบอกว่า ท่านสั่งมาถ้าผู้บำเพ็ญอยู่ที่นี่ มีจิตอกุศล ท่านบอกว่าจะได้รับโทษเช่นกัน จะหนักจะเบาอยู่ที่การกระทำ ถ้าผู้ใดคิดผิดเรื่องโลกีย์ ท่านบอกว่าจะลงข้างล่าง ไม่ได้ขึ้นข้างบนแน่นอน จะช้าจะเร็วอยู่ที่เราทำผิด กูกลัวแล้ว มันเจ็บ

ความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับ หลังจากทิ้งกายสังขารมัน เจ็บลูกหลานเอ๊ย กูเจ็บเหมือนเอามีดกรีดให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ กรีดให้มันแยกกัน แสบๆ ร้อนๆ

โดนกรีดทั้งตัวเลยลูก ทำให้มันยับ ทนความเจ็บปวดไม่ได้ ตาย! พอฟื้นขึ้นมาก็ปีนขึ้นไปอีกเป็นอยู่เช่นนี้บางทีก็ช้าบางทีก็ เร็วอยู่ที่จิต กูเจ็บ เขาเอาน้ำสาดให้ฟื้น

ตอนนั้นพญายมยังไม่พิพากษาโทษ เขาให้ทรมานก่อน

วันที่กูตายใหม่ๆ ไปที่…ยมโลก เขาไปพิพากษาโทษ คำ แรกเขาพูดว่าอีนางกากีมาแล้ว ถึงเวลาหมดอายุขัย ถึงเวลา ตายมาชำระโทษทัณฑ์ ผู้หญิงแบบนี้ไม่สมควรจะอยู่ต่อ เขาให้ ตายก่อนอายุ จริงๆ ต้องตายตอนอายุมากกว่านี้ เขาลดอายุลง ๑๗ ปี เขาเปิดบัญชีให้ดู เขาบอกว่า สร้างกรรมมาก กว่าสร้างบุญ ความชั่วมากกว่าความดี เขาเสียใจ

สมัยตอนมีชีวิตแถวบ้านมีวัดอยู่ริมคลองพายเรือไปวัด วัดปากพนังตะวันตก ไม่ค่อยได้ไปวัด เหตุผลที่ไม่ค่อยได้ไปเพราะ ไม่ชอบไปวัด

เมื่อสมัย ๑๐๐ กว่าปีมาแล้ว ตรงกับรัชกาลที่ ๓ ปลายๆ เจ็บ! มันเจ็บ

กูไม่มีพลัง กูไม่มีแสง มองไม่เห็น อยู่แต่ในนรก

มาที่นี่ได้โดยมียมทูตคุมมา ๒ ตนเขาคอยอยู่ข้างนอก ยมทูตขาว- ดำ มาคอยอยู่ เขาต้องพากูกลับลงไปอีก กูไม่อยากไป นี่กูบอกให้ช่วย กูไม่อยากลงไปแล้ว กูไม่อยากไปนรก

กูขอมา เขาบอกว่าใครจะขึ้นมาบ้างวันนี้ มาให้หลักฐาน เขาขอใบประกาศ เขาไปประกาศตามขุมนรกว่าใครจะมาสร้าง บุญบ้างเขาจะให้มา กูเจ็บทนไม่ไหว กูมาขอตายเอาดาบหน้า

กูอยากไปที่สบาย สบายเหมือนพวกเจ้า ไม่ต้องเจ็บ

เขาบอกว่าถ้าลูกหลานไม่มา เขาก็ไม่ได้มา บางคนร้องเสียใจ บางคนร้องกลัวลูกหลานจะไม่มา เขากลัวว่าจะไม่ได้ขึ้นมา เขา กลัว

สงสารคนที่ไม่ได้ขึ้น กูยังโชคดีที่กูสมัครมาก่อน ยิ่งมีโอกาส ดีกว่าเขา เขาบอกว่าลูกหลานไม่มาสักคน วันนั้นไม่รู้ว่าเขาจะได้ ขึ้นมาพูดเหมือนกูหรือเปล่า

ขอบใจ สำหรับการกรวดน้ำเป็นพิเศษให้ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะ ให้กูรับไหม เพราะกูมีกรรมมาก เจ้าช่วยกูด้วยสิลูก ช่วยกราบขอ ช่วยให้เขาเมตตา ถ้าเขาเมตตากูก็ได้รับถ้าเขาไม่เมตตากูก็ไม่ได้รับ

เดี๋ยวพอกูจะกลับ ให้กรวดน้ำ สวดพระคาถาชินบัญชร ๓ จบ และเอาเทียนปักบนหัวให้ที ให้เทียนนำทาง เทียนที่จุดแล้ว

ขอบใจที่ช่วยทำให้ความรู้สึกดีขึ้น

ขอบใจ รู้สึกเบาขึ้น ขอบใจนะที่ช่วย

อย่าทำชั่ว สิ่งไหนที่ไม่ดีอย่าทำเป็นอันขาด นรกไม่ยกเว้น สวรรค์มีแต่คนดี นรกมีแต่คนชั่ว ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ถ้าผิด แล้วให้แก้ไข อย่าให้ผิดต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นให้สำนึกผิด ให้ จิตสงบอย่าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น อย่าเที่ยวปากพล่อยว่าคนอื่น ด่าคนอื่น เมื่อก่อนกูปากจัด กูเที่ยวด่าเขา เพราะกูเอาผัวเพื่อน พอเพื่อนมาด่า กูก็ไม่ยอม เชื่อเถอะลูก นรกมีจริงๆ มีทุกขุม ขุมเล็กขุมใหญ่ ขุมมากขุมน้อย ขุมลึกขุมตื้น ก็เหมือนกับราง หมากขุม กูเจ็บ

โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญ น้ำข้าวที่กินแล้วก็ได้ให้หมากิน คนที่ ทำความผิดแบบนี้ เขาจะพิพากษาโทษตามขบวนการตามบาป หนักบาปเบา กรรมหนักกรรมเบา บางคนไปเป็นเปรตก็มี

ในกรณีที่ความผิดที่ว่าไปแย่งผัวเพื่อน ต้องเป็นเปรตด้วย เพราะกรรมอื่นมันยังมี ไม่ใช่แย่งผัวเพื่อนอย่างเดียว คนเราวิบาก อื่นมันยังมี มันต้องเปลี่ยนไปตามสภาพกรรมที่สร้าง ทุกจิตญาณมีโอกาสเป็นไปตามกรรมที่สร้างทั้งนั้น แล้วแต่เขาจะกำหนดให้ ไปเป็นอะไร ไปกินขี้ตัวเองก็มี

ในกรณีของกู กูยังไม่หมดกรรมตรงนี้ ยังขึ้นต้นงิ้ว กูไม่รู้ว่ากูต้องไปเป็นเปรตด้วยไหม เพราะกรรมที่กูสร้าง กูยังขึ้นต้นงิ้วไม่ หมดเลย

เมื่อสักครู่ที่เขาประกาศ ใครจะมาสร้างบุญเขาให้มา เขา ไม่ได้ปล่อยทันที เขายังล่ามโซ่อยู่เลย ตอนมาถูกล่ามโซ่ด้วย เขา ล่ามมือล่ามเท้า เขาลากมา

พอมาตรงนี้ ประตูมันเปิดเอง ยมทูตตอนนี้ท่านอยู่ตรงนี้อยู่ ข้างประตู

ยมทูตเขาต้องบอกใครไม่รู้ ไม่รู้ใคร เขาพูดกูฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ยิน ฟังไม่ได้เจ็บแก้วหู

ได้ยินแต่เสียงอย่างเดียว กูจะดู แต่เปิดตาไม่ได้ เขาบอกว่า ถ้าเปิดตาไม่สามารถทนได้หรอก เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกกูจะมา วิญญาณบาปไม่สามารถดูได้ เขาบอกว่าที่นี่มีแสงสว่างเหนือ สิ่งใด พวกผีปิศาจไม่กล้ามา ไม่กล้าเข้า พวกกูเป็นพวกผีปิศาจ เป็นวิญญาณบาป

คนที่เขาไม่ค่อยเชื่อ หาว่าเราทำอะไรกันอีกไม่รู้ สิ่งที่เราต้อง เอาหลักธรรมทั้งหลายต่างๆ หาว่าเราซื้อสวรรค์ เที่ยวพูดกัน เขา สร้างบาป

วิบากกรรมของคนประเภทนี้ ข้างล่างที่กูไปขุมนี้ เขาเอา เหล็กแทงทะลุหน้าทะลุหลัง แทงปากแล้วดึงออกมา

เขาไม่เข้ามาดูว่าเราทำอะไร เราพูดธรรมะให้คนฟังทุก วันชี้ทางไปนิพพาน มีชั้นเรียนบ่อยที่สุดในประเทศไทยไม่ ได้หยุดไม่ได้หย่อน แต่เขาก็หาว่าเราทำชั่ว อคติโดยเฉพาะ คนปริมณฑลนี้ข้าง นอกที่ไกลออกไปเขาเลื่อมใสเรา แต่คน แถวนี้ยังอคติ เขาว่าเราทำผิด คิดชั่วมากมาย ด่าว่าอยู่ตลอด เวลา เราออกข้างนอกบางทีแสบหู ไปถึงเขาเที่ยวพูดที่คิว รถบ้าง เที่ยวว่าค่อนขอด ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มี แต่เราก็ทน เราไม่ว่าอะไร เราก็ทำหน้าที่ของเราเรื่อยๆ เราก็พยายาม ให้คนเขาเชื่อ เขามาเราก็บอกกล่าว แล้วก็อบรมศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ที่เราทำนี้เราทำเพื่อให้ปณิธานของในหลวง เป็นผล เป็นความจริงขึ้นมาให้ได้ ว่าด้วยปณิธานแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง คือแผ่นดินที่ไม่มีสารพิษ เป็นแผ่นดินที่อุดมสม บูรณ์ แผ่นดินธรรมก็คือ แผ่นดินที่คนประพฤติอยู่ในศีลใน ธรรม เราพยายามทำตรงนี้ เหนื่อยยากลำบาก แต่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ว่าทำไมเขาไม่มาดูสักที เราก็พยายามประกาศให้เขาเข้ามา แต่เขาก็ไม่เข้ามา เอาแต่ว่ากันทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่เราทำวันนี้ ฉะนั้นสิ่งที่ ท่านทำมาแล้วในอดีต ผลก็ออกมาแบบนี้ ใครทำ ใครก็ได้รับผลเป็นธรรมดา ท่านพอเข้าใจนะ ทำไมถึงเงียบล่ะ โลกมนุษย์ โลกกายเนื้อก็อย่างนี้แหละ คนสมัยนี้ไม่เชื่อในเรื่อง ของอีกมิติหนึ่ง ในเรื่องของพลังงาน ในเรื่องของจิตญาณ

สนทนายังไม่ทันจบ ความพญามัจจุราชเมตตามาขยาย ความต่อ

เปรตตาลุกเป็นไฟซึ่งทางการยมโลกให้ขึ้นมารับบุญ

ณ มูลนิธิชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๖ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.เห็นพุทธบริกรท่านหนึ่งนอนเฉยอยู่หน้าพระแท่น และ บอกว่าอึดอัดจนทนไม่ไหวแล้ว สักครู่ก็ร้องครวญคราง แสดงอา การของความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส นอนกลิ้งไปมา ไม่อาจหยุดนิ่งได้ พวกเรารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ปล่อยให้ร้อง อยู่พักหนึ่ง จึงไปแตะที่ตัวของร่างพุทธบริกร เขาก็ยิ่งแสดงความเจ็บปวดยิ่งขึ้น และบอกว่าอย่าจับ มันร้อน

โอ๊ยยยยยยๆๆๆๆๆ (ร้องด้วยความเจ็บปวด) อย่าทำ!

โอ๊ย! กลัวแล้ว ข้ากลัวแล้ว โอ๊ย! เจ็บ โอ๊ย! ข้าเจ็บเหลือเกินๆ ช่วยข้าด้วย ข้าเจ็บเหลือเกิน! ข้าเจ็บช่วงท้อง! ข้าเจ็บหน้าอก! ข้าเจ็บทั้งตัว!

ข้าถูกทรมาน! ข้าอยู่ในนรก โอ๊ย! (ร้องตลอดเวลาที่พูด)

ข้างล่างเขาให้ข้าขึ้นมาบอก! ข้าเป็นเปรต! ข้าเจ็บเหลือเกิน ช่วยข้าด้วย! โอ๊ย! ข้าหิว ลูกหลานไม่ส่งบุญไปให้ข้าเลย ข้าหิว! ข้าอยู่ข้างล่างตั้งหลายร้อยปีแล้ว

สมัยเป็นคน ข้ารับจ้างฆ่าหมู! ฆ่าวัวเมื่อ ๗๐๐ กว่าปี (ร้องโหยหวน)

ตอนที่ตายอายุ ๖๒ ปี! ข้าเป็นผู้ชาย ชื่อ วิน อยู่กาญจนบุรี

หลังจากตายแล้ว ข้าไปชดใช้กรรมที่ไปฆ่าเขา! ข้าไปอยู่ที่ นรก! ไปรับโทษเขาผ่าท้องของข้า เหมือนที่ข้าผ่าท้องของหมู (ร้องด้วยความเจ็บปวด) ไปนรกเสร็จแล้ว เศษกรรมยังมีเหลืออยู่ ไปเป็นเปรตต่อ ๓๐๐ กว่าปีแล้ว

ทางการยมโลกเขาให้มาบอก เรื่องการสร้างบุญของกายเนื้อมนุษย์ ถ้าใครไม่เชื่อ ต้องลงนรกเหมือนข้า ท่านให้มาบอก เดือนสิบของทุกปี ให้พี่น้องส่งบุญไปให้สัตว์นรกบ้าง พวกสัตว์ นรกกำลังคอยบุญกุศลจากพี่น้องลูกหลานที่เป็นมนุษย์ อย่าทำ เฉยเมยในการสร้างบุญ

เขาให้สร้างบุญที่สะอาด ให้ถึงที่สุด ให้ถึงโดยตรง!

เขาให้ข้ามาพูดกับมนุษย์ผู้มีบุญทั้งหลาย ให้มาสร้างบุญให้ กับสัตว์นรกหรือสัตว์เดรัจฉาน เป็นพวกเปรต วิญญาณพเนจร ไม่มีพี่น้อง มาขอให้ท่านช่วย ให้สร้างบุญให้เร็วที่สุด พวกข้าได้ ขึ้นมาแค่ ๑๕ วันเท่านั้นเอง จะต้องลงไปชดใช้วิบากกรรมในนรกอีก กรรมใดที่ข้าได้ทำไว้ ข้าได้ไปรับใช้วิบากกรรมตรงนั้น แสนสาหัส ข้าเจ็บ ข้าปวด ทรมาน!

๑๕ วันที่ขึ้นมาบนโลก วิญญาณเปรตทั้งหลาย ถูกควบคุม ด้วยการล่ามโซ่ทั้งหมด โซ่เป็นโซ่เพลิง กระดิกตัวไปไหนไม่ได้ แตกแถวไม่ได้ จะถูกสามง่ามเสียบแทงตลอดเวลา ข้าแตกแถว มาไม่ได้

ข้าเพิ่งจะมา! ตอนสิบโมงกว่า ข้ายืนอยู่ข้างนอก

ตอนนั้นพญามัจจุราชยังไม่อนุญาต ให้เข้ามาใช้ร่าง เพราะ ร่างยังไม่พร้อม!

ข้าไปดูที่วัด แต่ไม่มีบุญกุศลให้พวกข้าเลย เห็นเขาทำบุญ กันมาก และบ่อยที่สุดในระยะนี้

พวกกุ้ง หอย ปู ปลา มันยื้อแย่งกันหมด มันว่าเป็นบุญของมัน พวกข้าไม่ได้รับ พวกข้าไม่มีบุญ พวกข้าไม่ได้กุศล ข้าไปตั้งแต่เช้า ๘ โมง แต่ข้าไปยืนคอย ข้าหิว เห็นมนุษย์กินกัน ข้าก็หิว

เมื่อ ๘ โมงเช้าข้าไปที่วัด เขาให้พวกข้าขึ้นไปดู ให้เข้าแถว โดยมีทหารพญายมคุม ๓-๔ ชั้น เขาบอกว่าให้ไปยืนดู เผื่อว่าใคร มีลูกหลานไปวัด จะได้บุญบ้าง วัดที่ข้าไปนี่ ไม่เจอลูกหลานเลย ข้าไม่ได้บุญ กุ้ง หอย ปู ปลา มันเอาไปหมด

มันบอกว่าเอาเนื้อของมันมากิน ทุกอย่างต้องเป็นของมัน (หมายถึงบุญกุศล)

ที่วัดมี กุ้ง หอย ปู ปลา เต็มไปหมด ไม่มีที่จะแทรก ไม่มีที่ จะยื้อยุดได้

ผู้รับทานจากชาวบ้านไม่ได้ส่งบุญให้ เพราะมันกินแต่ เนื้อพวกเขาทั้งนั้น(กุ้ง หอย ปู ปลา) มันเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ลิ้นของมันอย่างเดียว มันไม่คิดถึงความเจ็บปวดของผู้อื่น ไม่คิดถึง ชีวิตของคนอื่น!

พวกเขา(กุ้ง หอย ปู ปลา)เจ็บเหมือนกับข้าเจ็บ มันทุกข์ ทรมาน เวลาเคี้ยวแต่ละคำ มันเจ็บปวดเหลือเกิน

พอ ๑๐ โมง ยมทูตพามาที่นี่ แต่ก็ยังเข้าไม่ได้ เพราะว่า ยังไม่มีความพร้อม พอมีความพร้อมแล้ว มีคนแก่ดำๆ พาข้าเข้ามา เขาใช้ให้เข้ามาที่นี่เร็วที่สุด ก่อนที่ร่างนี้มันจะไหวตัวทัน

สมัยตอนมีชีวิตข้าจบ ป.๔ เรียนกับพระอยู่ที่วัด ที่ข้าลงไป นรกเป็นเปรต เพราะข้าชอบขโมยของพระกิน ข้าขี้เกียจ เอาแต่ นอนอย่างเดียว

ข้าเป็นเปรตตาลุกเป็นไฟ ตาห้อยลงมา ตัวข้าสูง มีแต่ หนังหุ้มกระดูก ไม่มีเนื้อหนัง เสื้อผ้าไม่มีใส่ กายสังขารของข้า ก็เจ็บปวดทรมาน! ไอ้นั่นก็ห้อยโตงเตง ข้าเป็นเปรตที่ทางการ ยมโลกกำหนดให้ข้าไปเป็นเปรต ชดใช้หนี้เวรกรรม ที่ขโมย ข้าวของของวัดกิน ไม่ได้สร้างบุญกุศล ทำแต่ความชั่ว ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตนับร้อยๆ พันๆ ตัว วิบากกรรมอันนี้ ข้าต้องลงไปชดใช้ใน นรกด้วยการถูกแขวนคอ ผ่าร่างแยกออกเป็นชิ้นๆ แขนขาของข้า ก็แหลกเหลวด้วยรถบด ข้าทรมาน เลือดในกายสังขารของข้าก็ ไหลไม่หยุด เพราะข้าได้เสียบแทงหัวใจของหมูทุกๆ ตัว

ข้าฆ่าหมูตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี! ตายตอนอายุ ๖๒ ปี ตลอดชีวิต จนถึงวันตาย ฆ่าตลอดเลย ข้าทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อมาซื้อของที่ไม่ดี ข้ากินเหล้าเถื่อน ข้าสูบบุหรี่ บางครั้ง ข้าก็สูบกัญชาด้วย

บุหรี่ที่ข้าลงไปสูบในนรก ตัวใหญ่เท่าต้นแขน ยาวเท่าลำ ไม้ไผ่ มันเป็นแท่งไฟ เวลาที่ถูกลงโทษ ทางการยมโลกพูดว่าการทำ ร้ายกายสังขาร สังขารอยู่ดีๆ ไปทำให้มันเป็นโรค ซูบผอมขึ้นมา ไม่รักกายสังขารตัวเอง ทำลายทุกๆ อย่าง ของที่แม่รัก ของที่แม่ ให้มา เพราะฉะนั้น จึงต้องไปรับกรรม โอ๊ย!

เขาบังคับให้ ๒ มือของข้าจับแท่งไฟขึ้นมา ถ้าข้าไม่ทำ ก็โดนเฆี่ยนตี ถูกทิ่มแทง พอบุหรี่เข้าปากแล้ว มันเจ็บปวด เพราะ ข้าต้องกินถ่านไฟร้อนๆ พอใส่เข้าไปแล้วตัวของข้าก็ละลาย เพราะไฟร้อนแรงเหลือเกิน ไฟนรก ไฟโลกันตร์! พอสำนึกได้และ บอกว่าไม่เอาแล้ว เขาจึงให้ไปที่อื่น

ข้าเหนื่อย เหนื่อยกับการถูกทรมานเหลือเกิน ข้าเจ็บ ข้าเจ็บเหลือเกิน มนุษย์เอ๋ย ข้าเจ็บ ข้าปวดทรมานเหลือเกิน นรก มันเป็นที่อยู่สำหรับคนชั่ว มันเป็นที่อยู่สำหรับผู้ที่กระทำผิดศีล ผิดวินัย มันทุกข์ทรมาน เจ็บปวด เจ็บไม่มีที่จะอยู่แล้ว!

วันนี้พวกข้ามากันเยอะ มาขอบุญ ขอกุศล พวกข้าจะมา ตั้งแถวรอบุญ ในวันที่พวกเอ็งช่วยกันส่งบุญ ข้าก็จะขอ.....

ในภพภูมิของเปรต อยู่กันหนาแน่นเหลือเกิน หญิงชาย อยู่รวมกัน ข้ามองไม่รู้ ใครเป็นผู้หญิง ใครเป็นผู้ชาย ข้าอยู่ท่าม กลางเพลิงนรก ไฟนรกติดอยู่ตลอดเวลา อยู่ในหลุมเพลิง พอร้อน พอไหม้ละลายเสร็จแล้วก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ พวกข้าละลายด้วยไฟนรก ข้าอยู่ในไฟนรก...

จนถึงวันนี้เป็นร้อยปีแล้ว ข้ารู้สำนึกแล้วว่า สิ่งที่ทำมาใน อดีตมันไม่ดี

แต่ตอนนี้เขายังไม่ปล่อย เพราะไม่มีลูกหลานช่วยดึงข้าขึ้น มาจากนรก ข้าขึ้นมาไม่ได้ ต้องมีลูกหลานสร้างบุญ ช่วยดึงข้าขึ้น มาจากขุมนรก ข้าจึงขึ้นมาได้ ถ้าใครไม่มีลูกหลานสร้างบุญช่วยดึง ขึ้นมา ก็ขึ้นมาไม่ได้

เวลานี้ที่นี่ (มูลนิธิฯ) วิญญาณมาอยู่กันเยอะมาพร้อมข้า แต่โดนคุมทั้งหมด ข้ากินอะไรไม่ได้ ข้าเจ็บจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

เดี๋ยวช่วยไปกรวดน้ำให้พวกข้า เปรตตัวอื่นเขาก็จะคุกเข่า พนมมือขอบุญ ช่วยสงเคราะห์พวกข้าด้วยเถิด ข้าไม่มีญาติพี่น้อง ที่ไหน

ช่วยข้าด้วย ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้ข้าด้วย

ตอนที่ท่านกรวดน้ำแล้ว วิญญาณเหล่านั้นเขาร้องไห้ดีใจ เหมือนกับที่ข้ากำลังดีใจ

ตีนของข้าค่อยๆ ลดความร้อนลงมาเรื่อยๆ ค่อยๆ ขึ้นมา ทีละนิด ใกล้จะเต็มตัวของข้าแล้ว ฮือๆๆๆ ขอบใจ ขอบคุณทุกๆ คน ผู้มีบุญทั้งหลาย ข้านายวิน ขอบใจทุกๆ คน ขอบใจทุกท่านที่มีเมตตาแก่วิญญาณของข้า

ข้างนอกเขาร้องไห้ที่ได้บุญกุศล ไม่มีใครเคยให้บุญกับพวก เขามาก่อน เขาไม่เคยมีความสุขเหมือนอย่างวันนี้ เขาไม่เคยสงบ เขาไม่เคยห่างจากความเจ็บปวดทรมานเลย เขาหายจากความเจ็บ ปวดทรมาน เพราะท่านได้เอาน้ำไปลูบกายของเขา จิตวิญญาณ ของเขามีความสุขสดชื่น(เมื่อกรวดน้ำเสร็จ ก็สวดพระคัมภีร์สัจ คาถาพระศรีอริยเมตไตรย)

ข้าสดชื่นๆ ข้ามีความสุขเหลือเกิน ข้าเย็นสบาย ข้าสุขสบาย เหลือเกิน วิญญาณทั้งหลายข้างหน้า เขาก็เหมือนกับข้า มีพลัง ไหลเป็นน้ำลงมาได้อาบน้ำ ข้าเห็นเหมือนฝนตกลงมา เหมือนฝน โปรยเม็ดลงมา เหมือนกับน้ำที่ออกมาจากฝักบัว ราดรดเฉพาะ แถวที่พวกข้าอยู่

ข้าเห็นบรรพชนบางส่วน ใส่เสื้อผ้า ขาดๆ ปอนๆ เห็นนั่งคุก เข่าอยู่ซีกทางนี้ ไม่ได้อยู่กับพวกข้า กลางหลังบางคนใส่เสื้อผ้า ขาดเป็นรูโหว่ ใส่ชุดสีขาวแต่ก็ลำบาก นั่งคุกเข่าก้มหน้าพนมมือ เขาก็กำลังจะรับบุญจากลูกหลาน

ขออนุญาตพระศรีอาริย์ ให้ฝนทิพย์ตกลงที่ฝั่งของบรรพ ชนด้วย ของฝั่งที่เขาต้องการบุญทุกส่วน ให้หมดเลย ให้บุญหมด ทุกส่วน ไม่ว่าวิญญาณอะไร ที่มาที่นี่ เราให้หมด เป็นยังไง

ที่ข้าเห็นมีแต่ฟ้าแปลบปลาบ วิญญาณที่ว่าไม่ใช่เปรตเหล่านั้น เขาสดชื่นขึ้นทีละน้อย หน้าตาก็สดชื่น เหมือนอย่างที่ข้าเป็น เขาขอบใจ

ข้าไม่เคยได้ไปไหนเลย ที่ศาลาของพระมาลัยก็ไม่ได้ไป ข้าอยู่แต่ในขุมนรก

เขาให้ข้ามาบอก เมื่อมีคนขอ ท่านบอกว่า ใครจะมาบอก จะได้บุญกุศล ข้าจึงเสนอตัว เพราะข้าไม่เคยได้รับบุญกุศล เลย ข้าจึงต้องมาบอก ข้าต้องการบุญกุศล ข้าต้องการให้หายจากความเจ็บปวดบ้าง ข้าจะได้สุขสบายบ้าง ไม่ต้องถูกเฆี่ยนตี ทรมานอยู่ในขุมนรก

กลับไปครั้งนี้ ข้ายังไม่รู้ ข้าบอกอะไรท่านไม่ได้ทั้งนั้น เพราะ ข้าไม่ใช่คนกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง แต่เป็นทางการยมโลก ที่ท่านจะใช้กฎแห่งกรรม ชำระจิตญาณบาปเช่นข้า

วันนี้ข้าขอบใจ ขอบใจอีกครั้งหนึ่ง สำหรับผู้ใจบุญ ผู้มีพลังทั้งหลาย ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ช่วยให้พวกข้ารอดพ้นในวันนี้ ข้าหาลืมบุญคุณไม่ ข้าจะมาใหม่ในวันที่ ๒๗ ช่วยเอ่ยชื่อให้ข้าด้วย เพื่อข้าจะได้หลุดพ้น มีโอกาสได้มารับบุญอีก ข้าจะคอย ขอบคุณ ขอบใจทุกๆ คนอีกครั้งหนึ่ง

ข้าอยู่ในกองไฟตลอดเวลา เหยียบย่ำอยู่ในกองไฟตลอดเวลา ไฟจะลุกท่วมตัวของข้าตลอดเวลา พอไฟลุกแล้วมันร้อน พอร้อนแล้วร่างก็ละลายแหลกเหลว พวกข้าก็ร้องด้วยความเจ็บ ปวดโหยหวนตลอดเวลา จนกว่าร่างวิญญาณของข้าจะละ ลาย เมื่อละลายหมดวิญญาณของข้าก็จะกองทรุดอยู่กับพื้น แล้วก็จะฟื้นขึ้นมาใหม่ รับวิบากกรรมตรงนั้นต่อไปเรื่อยๆ จนไม่มีที่สิ้นสุดของวิบากกรรมที่ข้าได้สร้างไว้ ฮือๆๆๆ ข้าทรมาน เหลือเกิน ข้าทรมานเหลือเกิน ข้าทรมาน โอ๊ย!!! ช่วยข้าหน่อย ช่วยสงเคราะห์วิญญาณข้าหน่อย อย่าให้เขาทรมานข้าไปมาก กว่านี้เลย

ข้าไม่มีเสื้อผ้าใส่ ข้าเจ็บ โอ๊ย!!! ข้าเจ็บ ข้าเจ็บเหลือเกินๆๆๆ (ร้องให้โหยหวนจนถอนญาณ

วิญญาณเปรตปากเท่ารูเข็มสุพร นาคขำ  

   
จากจังหวัดเพชรบูรณ์

ณ มูลนิธิชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

วันพุธที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เวลา ๐๘.๑๐ น.

เมื่อวันพุธที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๖ เวลาประมาณ ๐๗.๑๕ น.หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว พุทธบริกรท่านหนึ่ง บ่นว่ามีอาการหนาวๆ เย็นๆ ปวดตามร่างกายจึงได้ใช้พลังจักร วาลลูบ นำเอาพลังลบที่ทำให้เกิดอาการที่ปวดเจ็บแก่ร่างกาย ออกฝากลงสู่พื้นปฐพีแห่งพระแม่ธรณี ร่างนั้นรู้ตัวเองว่ามีอาการที่ ผิดปกติ และจะเริ่มปวดเจ็บขึ้นเรื่อยๆ มึนชา ทนไม่ไหวก็ร้องขึ้น

โอ๊ยยยยยยๆๆๆๆๆ (ร้องด้วยความเจ็บปวดยิ่งขึ้น)

ข้าเจ็บๆ ฮือ ๆๆๆ ข้าทรมานเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน

ข้าได้ทำผิดตอนเป็นมนุษย์ ข้าได้ลักเล็กขโมยน้อย ข้าได้ เที่ยวลักของกินของเขาในตลาด ข้าขโมยไข่ของเขา ข้าขโมยขนม ข้าขโมยเข้าของของเขาหลายอย่าง ข้าขโมยปลาเค็มเขา ข้าขโมยทุกอย่างที่เขาเผลอ ฮือๆๆๆ ที่ตลาดเพชรบูรณ์

ข้าเป็นคนนครสวรรค์ ข้าเป็นกรรมกรก่อสร้าง ข้าเป็นผู้หญิง ฮือๆๆ ข้าชื่อสุพร นาคขำ โอยๆๆๆ ขณะนั้น อายุ ๔๗ ปี ฮือๆๆๆ พ.ศ. ๒๔๙๙ ข้ามีลูก ๑ คน

ข้าจำไม่ได้ตายเมื่อไหร่ ข้าหิว ฮือ ๆๆ จนเป็นลม ได้เงินเดือน ละ ๒๐ กว่าบาท ทำงานก่อสร้างบ้านให้เขา ที่จังหวัดเพชรบูรณ์

ตายแล้ววิญญาณไปไหน (พอถามอย่างนี้ วิญญาณร้องหนักขึ้นจนน่าสงสาร เป็นเสียงกรีดร้องโหยหวน เราจึงไม่อาจคาดคั้น เค้นเรื่องราวออกมา จึงต้องปล่อยให้ผ่านช่วงนี้ไปด้วยความรู้สึกสงสาร เพราะวิญญาณทั้งหลายที่ผ่านนรกมาแล้ว พอพูดถึงนรก ความเจ็บปวดที่เคยได้รับก็ประดังหลั่งไหลเข้ามา เสมือนถูก ทรมานในขณะที่ระลึกเพื่อจะเล่า จึงร้องสนั่นหวั่นไหว เสร็จกัน เลยไม่ต้องถามให้เล่า)

ข้าเจ็บ ข้าทุกข์ ฮือๆๆๆ มันเจ็บเหลือเกิน ไฟติดหลังข้า ตลอดเวลา ฮือ ๆๆ

ข้าเป็นเปรตมาประมาณ ๗๐ กว่าปีแล้ว

ข้าเจ็บที่ปาก ฮือ ๆๆ สาเหตุข้าเจ็บที่ปาก เพราะขโมยของ เขากิน

ข้าเป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม! ขโมยของวัดที่เพชรบูรณ์ ฮือๆๆๆ เมื่อข้าไปวัด ข้าหิว เมื่อเขาเอาปิ่นโตวางไว้ ข้าจะแอบ เปิดกิน ตอนที่เขาเก็บแล้วซึ่งเป็นของพระที่วัด ที่เขาเตรียมไว้ให้ พระ ก็แอบกินก่อนพระฉัน ข้าทำทุกครั้งเลย นอกจากแอบกิน ของก่อนพระฉันแล้ว ยังขโมยของชาวบ้าน ขโมยเงินของเขา ขโมยได้มาเป็นแบ๊งค์สิบ

ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีกิน นี่แหละความผิดของ คนที่ต้องลงนรกจำนวนมากหลาย รวมทั้งปู่ย่าตาทวดเราในวันนี้ ที่เราจะส่งบุญให้ตายายในสองสามวันนี้ ขอให้เราทั้งหลาย ได้ทราบกันให้ชัดๆด้วยว่า ท่านเหล่านั้นได้ทำความผิดอันเป็น เหตุให้ต้องลงไปรับโทษในนรก ก็เพราะความรักในลูกหลาน ท่าน เหล่านั้นทำไปเพราะหวังให้ลูกหลานอยู่ดีมีสุข ตายไปก็ลงนรก รับความทุกข์ทรมาน เดือนสิบปีละครั้งถึงได้ขึ้นมา และในทุกวันนี้ ลูกหลานก็ไม่เอาใจใส่ ไม่ส่งบุญให้ ไม่เชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษที่รักเรา บัดนี้ได้ทุกข์ได้ยากแสนสาหัส ทรมานอยู่ในเมืองนรก ลูก หลาน กายเนื้อก็ไม่ได้ไปวัดกันเพราะเขาไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้เสียแล้ว

ข้าเพิ่งมาเมื่อเช้า ข้ามาจากนรก พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ท่านเมตตาให้ขึ้นมา ให้มาคอยลูกหลาน ให้มาเอาบุญ ที่ลูกหลานจะสร้างให้ในวันนี้ พรุ่งนี้ (เปรตมาแสดงตัววันที่ ๒๔ พรุ่งนี้ ๒๕ วันส่งตายายประจำปีของไท่ชุ่นฯ หลังจากที่วัดได้ส่งตายายไป แล้ว ๓ วัน)

พอขึ้นมาจากนรก เขาพาข้ามาที่นี่ วิญญาณจากนรกตอนนี้มาเพียงไม่กี่ตน มาคอยลูกหลาน

คนอื่นเขามาคอยลูกคอยหลาน ข้าก็มาด้วย เผื่อลูกหลาน ข้าจะมาอยู่ทางนี้ เขาให้ขึ้นมา ข้าก็ถือโอกาสขออนุญาต ทาง การยมโลกอนุญาตให้มา พรุ่งนี้ก็จะมากันทั้งหมด (พรุ่งนี้ คือ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๖ ซึ่งเป็นวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เป็นวันส่งตายายของทางโลกมนุษย์ ซึ่งเข้าใจกันว่า ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ซึ่งเป็นวันรับตายาย ทางการยม โลกให้วิญญาณสัตว์นรกขึ้นมารับบุญ แล้วอยู่จนถึงวันส่งตายาย แต่ตามข้อเท็จจริง ซึ่งเปรตที่มาแสดงหลักฐานบอกให้เรารู้ว่า วันรับตายายทางการยมโลกนำส่งขึ้นมากินบุญจากลูกหลาน เฉพาะ ในวันนั้น แล้วนำกลับลงไปลงโทษในนรกตามเดิม และกลับ ขึ้นมาอีกในวันส่งตายาย แต่สัตว์นรกบางประเภทได้ขึ้นมาก่อน วันส่งตายายก็มี เหตุปัจจัยบุญ-บาปของแต่ละญาณไม่เหมือนกัน จึงได้รับโอกาสต่างกัน) ฮือๆ เราจะไปทุกแห่งที่ลูกหลานไป

ที่นี่ข้าไม่เห็นญาติ และลูกหลานของข้าเลย ฮือๆๆ ที่มาที่นี่ เพราะ มีเสียงสั่งลงมาว่า ให้มาที่นี่ เขาบอกว่ามีคน ต้องการ....อะไรก็ไม่รู้.... มีเสียงสั่งกำชับลงมา ให้ข้าต้องมาที่นี่ เสียงกังวาน จนข้าแสบแก้วหู จนทนไม่ได้ ข้าไม่รู้ แต่ข้าต้องมาที่นี่

ให้มาบอกเล่าความทุกข์ทรมานในนรกว่าถูกไฟเผาผลาญ จิตญาณของผีเปรตอย่างพวกข้า ฮือ ๆๆ ..ทุกจิตวิญญาณที่ลงสู่นรก จะต้องถูกเผาผลาญแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี จะต้องถูกเฆี่ยนตี บ้างก็ถูกสับออกเป็นชิ้นๆ บ้างก็ผ่าจนร่างวิญญาณแหลกเหลวเป็นส่วนๆ บ้างก็เอาหนามมาตอกที่หัว ตัดแขนตัดขา ควักลูกนัยน์ตา ผ่าหัวกะโหลก เอามันสมองมาแบ่งกินกัน อือๆๆ

พวกสัตว์นรกต้องกินของแบบนี้ ตับไต ไส้พุง ไขสันหลัง วิญญาณ ก็พาแยกกันนั่งกิน แคะด้วยความหิว ฮือๆๆๆ เขาให้มาบอกถึงความทรมานในนรก ซี่โครงต้องหักออกเป็นชิ้นๆ ฮือๆๆๆ

เขาสั่งความให้มาบอกว่า ให้สร้างบุญให้พวกวิญญาณ พเนจรบ้าง วิญญาณผีในนรกบ้าง ฮือๆ วิญญาณไม่มีญาติ วิญญาณที่ติดอยู่หน้าด่าน ฮือๆๆๆ

วิญญาณที่ติดอยู่ขุมลึกๆ ฮือๆ วิญญาณที่ถูกตัดแขน ตัดขา เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีบุญกุศลเลย ช่วยตัวเองไม่ได้ วิญาญาณจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดที่ไหน จึงต้องลงอยู่ในนรกตลอดเวลา ถูกเคี่ยว กรำด้วยไฟนรกตลอดเวลา ไฟนรก วิญญาณต่างๆ กำลังคอยบุญกุศลจากผู้ใจบุญ อือๆๆๆ

วิญญาณทุกๆตน คอยบุญกุศลจากบนโลกมนุษย์ ถ้าพวก มนุษย์ด้วยกันไม่สร้างบุญกุศลให้ เขาเหล่านั้นก็ไม่มีบุญ กุศล หล่อเลี้ยงญาณเลย ญาณของเขาหมอง ไม่มีแสง มันมืด ไปไหน ไม่ได้ มันต้องถูกวนเวียนอยู่ในนรก ขุมแล้วขุมเล่า เวียนอยู่ทุกๆ ขุม หลุดจากขุมนี้ไปขุมโน้น จากขุมโน้นก็กลับมาขุมนี้อีก เพราะ ไม่มีบุญกุศลจะได้รับจึงต้องถูกทรมานไปเรื่อยๆ ทรมานจน กว่าเขาจะเมตตาให้เอง ฮือๆๆๆ ท่านบอกว่าจะทรมานให้มาก ที่สุด ทรมานให้หนักที่สุด ไอ้พวกไม่มีญาติทั้งหลาย ถึงแม้นมีแต่ ลูกหลานหรือผู้มีพระคุณไม่ส่งบุญกุศลไปให้ เขาจะไม่ปล่อยให้ มาลอยนวล ให้มาสุขสบายอีกแล้ว เพราะเปิดโอกาสให้เขา (ลูกหลานกายเนื้อ) ได้สร้างบุญ แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะฉะนั้น วิญญาณบรรพชนก็ต้องทรมานแทน ฮือๆๆๆ

เรื่องของจิตญาณได้รับความลำบาก ทุกข์ทรมานอยู่ในนรก ข้าทรมาน ทุกคนทรมาน ทุกคนกำลังแหวกว่ายอยู่ในกองทุกข์ อยู่ในทะเลความทุกข์ ทรมาน เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกนั่น แหละ ไม่มีโอกาสขึ้นมาเกิดอยู่ในเมืองมนุษย์ เพราะหมดสิทธิ์ที่ จะขึ้นแล้ว เขาไม่เปิดโอกาสจะให้ขึ้นมาง่ายๆ เขาบอกว่า ในเมื่อสมัยตอนมีชีวิตอยู่ ไม่คิดจะสร้างบุญสร้างกุศลเลย ก็อย่าได้ไปผุดไปเกิดอีกเลย ให้มันทรมานอยู่เช่นนี้ ฮือๆๆๆ

ท่านจะช่วย เฉพาะที่ลูกหลานสร้างบุญไปช่วยเท่านั้น ช่วย เท่าที่จะให้บุญกุศลไปถึง ถ้าลูกหลานในเมืองมนุษย์ ไม่ส่งบุญให้ไป ถึงเขาก็จะไม่อนุญาตให้ขึ้นและจะไม่ช่วยฮือ ๆๆ

ชื่อที่ท่านอ่านประกาศ ผู้ที่ทำบุญในเวลานี้ ได้ยินถึงข้างล่าง แต่ทำอะไรไม่ถูก เพราะมันก้อง มันมั่วไปหมด เพราะต่างคน ต่างปีนป่าย จะขึ้นมารับบุญ จึงแย่งกัน ร้องเสียงอื้ออึงไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นจิตญาณของตนไหน เป็นวิญญาณของใคร ที่ลูกหลาน จะส่งบุญไปให้เขาได้ขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ (๒๕ กย.๔๖) ได้บ้าง เขาจึงต้องแย่งกันร้องขอ ร้องขอบุญกุศลจากลูกหลาน ร้องขอ อย่างน่าเวทนา อย่างน่าสงสาร ร้องโหยหวนไม่มีที่สิ้นสุด ร้องด้วย ความเจ็บปวด แข่งกับการถูกทรมาน ฮือ ๆๆๆ

ข้าอยากให้ทุกท่านช่วยโปรดเมตตาสัตว์นรก เช่นพวกเรา ด้วย สัตว์นรกเช่นพวกเราไม่มีโอกาสช่วยเหลือตัวเองได้เลย ไม่มีบุญ ไม่มีกุศล ฮือๆๆ จะขอความกรุณาเมตตาจากท่านทั้ง หลาย ช่วยดึงวิญญาณเราขึ้นมาด้วย ช่วยให้เราพ้นทุกข์จากการ ถูกทรมานในนรกด้วยเถิด เราขอร้อง ช่วยพวกเราด้วย ฮือๆๆ

ทุกวันๆ ที่นี่ ท่านกรวดน้ำส่งบุญไปให้ พวกข้ารับไม่ได้! เขาไม่ให้รับ เพราะพวกข้าทำบาปหนัก เป็นเปรตที่ทรมาน จึงไม่มีสิทธิ์ จะรับบุญกุศลของใคร ถ้าเขาไม่อนุญาต

ถ้ามีลูกหลานที่สร้างบุญจริงๆ บำเพ็ญจริงๆ บรรพบุรุษถึงจะ ได้รับบุญกุศลนั้น

ถ้าลูกหลานไม่เข้ามาบำเพ็ญ บุญกุศลก็จะไม่เกิดแก่วิญ ญาณเหล่านั้น ถ้าลูกหลานเข้ามาบำเพ็ญ บุญกุศลเกิดแก่เขาเหล่า นั้น ทำให้วิญญาณเขามีความสุขนิดหน่อยก็ดี ดีกว่าไม่มีความสุข เลย เขาทุกข์ทรมาน

ผู้บำเพ็ญที่จิตตก มีผลกระทบต่อวิญญาณในนรกที่เกี่ยว ข้องเหล่านั้น จะถูกเฆี่ยนตี จะถูกหนามตำ จะถูกลวดหนามพันกาย จะโดนรัดด้วยไฟลวด

คนที่ได้เข้ามาสู่เส้นทางการบำเพ็ญแล้ว ยังคิดเพี้ยนๆ คิด ไม่ดี มาสู่สถานที่ดีแล้ว ยังคิดใฝ่ทางโลกอีกอย่างนี้เป็นต้น คิด อยากจะกลับบ้านวันละสิบหน ไม่คิดจะบำเพ็ญอย่างนี้ จะส่งผล ต่อบรรพบุรุษในนรก

เขาก็โดนทรมานทันทีเช่นกัน เมื่อลูกหลานคิด จิตก็ส่งถึงเขา เขานั่งอยู่ดีๆ ไฟก็จะลุก เขาก็จะเอาลวดไฟมาหวด(หมายถึงนักการยมบาลแห่งเมืองนรก) ทำให้ไฟติด แผลจะเน่าทันที ฮือๆๆ จะเจ็บจะปวด แล้วเขาก็เอาน้ำกรดมาราดที่ร่างวิญญาณ ร่างวิญญาณก็จะดิ้นทุรนทุราย ด้วยความเจ็บปวดแสบร้อน ด้วยน้ำกรด โลกันตร์

วิญญาณที่เจ็บปวดเหล่านั้น เขาก็จะร้อง ฮือๆๆ ด้วยความ เจ็บปวด กูเป็นอะไรๆ อีกแล้ว ทั้งๆที่เขาอยู่ๆ ก็ไม่รู้เรื่อง บางทีเขา นั่ง บางทีเขานอน.....

เขาเจ็บ เจ็บมากกว่าข้าบางครั้ง ฮือๆๆ เขาเจ็บแสนสาหัส และมันเป็นบางครั้งๆ ที่เขาเจ็บกว่าพวกข้า เขาจะเจ็บทะลุหน้าทะ ลุหลัง เจ็บไม่มีที่จะอยู่ เจ็บปวดทรมาน ฮือๆๆ

ข้าอยู่ในนรกมานาน และถูกทรมานมาตลอด ข้าอยาก อยู่สบาย มีความสุขเหมือนอย่างพวกท่าน แต่ข้าไม่มีสิทธิ์ ฮือๆๆ

เขาให้ข้าอยู่จนเสร็จภารกิจแล้ว ข้าต้องลงข้างล่างอีก ข้าก็ จะลงไปประมาณ ๑๐ โมง ข้าไม่มีสิทธิ์ขออะไรจากใครทั้งนั้น นอกจากพวกท่านจะมีจิตเมตตาสัตว์นรกอย่างพวกเรา

สัตว์นรกก็ต้องเป็นเช่นพวกข้า ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด ไม่ได้เงย หน้าเลย ฮือ ๆๆ

นรกนั้นมันไม่ใช่ที่จะสุขสบายเลย

ที่อื่นข้าไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาได้นำวิญญาณมาที่นี่ ดวงญาณของข้าจึงได้มาที่นี่ ที่อื่นข้าไม่รู้ ข้ามองไม่เห็น เขาไม่เปิดให้ข้าได้เห็น ข้าไม่มีสิทธิ์ไปมองตรงอื่นๆ รู้แต่ว่าข้าต้องมาที่นี่ และที่นี่ข้าต้องมาให้คำพูด

เขา (หมายถึงทางการยมโลก) บอกให้เร่งสร้างบุญสร้างกุศล ฟ้าเบื้องบนเมตตาให้พวกท่านได้บำเพ็ญ ดีกว่าพวกข้าสัตว์นรกอีก ให้ตั้งใจบำเพ็ญ อย่าละทิ้งหน้าที่ ทำงานให้อดทน ให้เป็นคนดีให้ได้ สิ่งใดที่เขาบอก (น่าจะหมายถึงอาวุโสในอาณาจักรธรรม) ก็จง ทำ จงทำให้สำเร็จ ตามที่เราตั้งใจ อย่าปล่อยให้ความตั้งใจ ของเราละลายเหมือนสายน้ำ ผลบุญก็จะไม่เกิด เขาบอกว่า วิญญาณในนรกนั้น ก็จะละลายเหมือนที่ท่านไม่ตั้งใจ คือละลาย เป็นสายน้ำเหมือนกัน กาลเวลาของฟ้านั้น เขาได้กำหนดไว้ว่า เมื่อถึงเวลาฟ้าปิด หรือเปิดก็ตาม ดวงวิญญาณจะได้ขึ้นหรือลง ก็อยู่ที่กายเนื้อมนุษย์จะส่งผลบุญหรือไม่ ถ้ากายเนื้อมนุษย์ไม่ส่งผลบุญไปถึงหรือไม่ส่งไปให้ เขาเหล่านั้นก็ต้องทุกข์ทรมาน ต่อไป ฟ้าจะปิดหรือไม่อยู่ที่ท่านนั่นเองฟ้าจะเปิดต่อก็อยู่ที่ท่าน ถ้าท่านตั้งใจสร้างบุญกุศลฟ้าก็จะยืดเวลา แต่ถ้าท่านทำตัวผิดจิต หม่นหมอง ทำแต่สิ่งที่ไม่มีทำนองคลองธรรม ฟ้าก็จะปิด และ ก็จะมืดเหมือนกัน เพราะผู้บำเพ็ญที่ไม่ตั้งใจปะปนอยู่กับผู้บำ เพ็ญดี ญาณที่เคยใสสะอาดก็จะกลับหมอง จึงต้องแยกคนดีกับคนชั่วออกจากกัน เพราะทำให้ญาณคนดีก็พลอยลงนรกไปกับคนชั่ว ความเป็นปุถุชน ก็เป็นปุถุชนอยู่วันยังค่ำ ที่จะเป็นอริยะ หรือพุทธะนั้นก็ยากยิ่ง ถ้าผู้ตั้งใจที่จะบำเพ็ญธรรมก็จงหมั่นฝึกฝนจิตให้เป็นพุทธะให้ได้ ถ้าผึกฝนจิตให้เป็นพุทธะไม่ได้ ก็จะเป็นปุถุ ชนลงสู่เบื้องล่าง นรกมีไว้สำหรับผู้ใจร้าย เบื้องบนสวรรค์นั้นมีไว้ สำหรับผู้ใจบุญ ใครที่มีจิตใจการุณ มีเมตตากรุณา ฟ้าจะอยู่ข้างมัน ใครที่มีจิตใจสกปรกโสมม คิดแต่เรื่องต่ำๆ เรื่องอกุศล วิญญาณของ เขาก็จะลงสู่เบื้องล่าง เราดีใจที่วันนี้ที่ได้มาที่นี่ ฮือๆๆๆ

ข้าได้แค่รับบุญนิดหน่อย ข้ารับมากไม่ได้ เขาให้บุญกุศล แก่ข้า ที่ข้าได้มาบอกกล่าวตามคำสั่งของเขา ให้ข้ารับได้แค่ นิดหน่อย เพื่อเป็นพลังห่อหุ้มญาณ จิตญาณของข้า ข้าเจ็บ ข้าปวด มานานแล้ว วันนี้เขาให้มาขอบุญของท่าน มาสู่กายสังขาร วิญญาณของข้าบ้างเถิดนะ ข้าก็จะสุขสบายขึ้นมานิดหนึ่ง ข้าก็ขอ ขอบคุณทุกท่าน ภารกิจวันนี้ของข้าที่ได้มาบอกข่าว และที่ท่าน ให้บุญกุศลหล่อเลี้ยงแก่วิญญาณของข้า ข้าก็ต้องขอบใจทุกๆคน ขอให้มรรคผลที่ท่านสร้างนั้น จงส่งจิตญาณของท่านขึ้นสู่เบื้อง บนอย่าได้ลงต่ำเช่นพวกข้าอีกเลย ฮือๆๆ

ข้าไม่มีสิทธ์จะบอกใครได้ว่าข้าจะได้กลับขึ้นมาใหม่หรือไม่ แม้แต่ท่านจะเมตตา เพราะวาระบุญของข้า ที่ท่านให้ในวันนี้พอมีอยู่บ้าง ข้าก็คงจะได้มาพบกับท่านอีกครั้งหนึ่งในวันส่งตายาย ข้าอยากจะขอบใจ ขอบคุณผู้มีบุญทั้งหลาย จงช่วยชี้แนะผู้ที่ตก ทุกข์ได้ยาก ให้เขาพ้นจากทะเลทุกข์ อย่าให้เขาลงไปรับทุกข์ เช่นพวกข้า อย่าให้เขาต้องลงสู่อบายภูมิเช่นพวกข้า เปรตนรก สัตว์นรกนั้น มันไม่ใช่ของดีเลย มันเป็นวิญญาณที่ทุกข์แสน สาหัสตกอยู่ในอบายภูมิ ที่มีแต่ความเจ็บปวด แสบร้อน หาได้มี ที่สิ้นสุดไม่ ขอให้ผู้มีบุญทั้งหลาย จงตั้งใจบำเพ็ญช่วยลูกช่วย หลาน ช่วยบรรพชนกลับขึ้นสู่เบื้องบนกันเถิดนะ ถึงแม้นข้าไม่มีบรรพชนที่จะช่วยเหลือ ข้าก็อยากจะให้ท่านช่วยเหลือบรรพชน ของท่าน อย่าให้บรรพชนของท่านต้องทุกข์ทรมานเช่นข้า ไม่มีวัน จบสิ้น เวียนว่ายตายเกิดในนรกภูมิ ......ฮือๆๆๆ

ร้องอย่างสุดทรมาน จนถอนญาณออกไป
วิญญาณตาผ่องมาจากลานธรรมพระศรีอาริย์  

   
ณ มูลนิธิชินบัญชร ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

วันศุกร์ ที่ ๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ เวลา ๐๘.๔๐ น.

มีวิญญาณตนหนึ่งมาอาศัยร่าง เพื่อจะสื่อเรื่องราวในอีก มิติหนึ่งให้ทุกท่านได้เข้าใจความเป็นอยู่ ของชีวิตหลังความตาย ซึ่งไม่อาจจะสัมผัสด้วยกายหยาบได้

กูชื่อ ผ่อง เป็นคนชุมพร ตายนานแล้ว ๘๐ กว่าปี รัชกาลที่ ๕-๗ กูอยู่ ๓ สมัย เขาพามาส่งที่นี่ เขาขี่เรือเหาะมา เขาบอกให้มา เขาบอกว่าลูกหลานอยู่ที่นี่

ตั้งแต่รัชกาลที่ ๖ เขาเริ่มใช้นามสกุลแล้ว แต่กูไม่มีนามสกุล เพราะอยู่ในป่า ปลูกผักปลูกหญ้าทำนา ปลูกผักบุ้ง เดี๋ยวนะกูขอ กินหมากก่อน เมื่อก่อนกูเคี้ยวหมากกับยาหม่อง(ไม่ใช่ยาหม่องทา)

เขาให้กูมาบอกว่าให้ลูกหลานบำเพ็ญให้มากๆ หน่อย เพราะกูมาจากข้างบนโน้น ที่มีพระอ้วนๆ อยู่ เขาเรียกลานสีเขียว ที่มีตึก ๓ ชั้น ที่นั่นเขาสร้าง เมื่อต้นปีที่แล้ว (วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๕)

เมื่อก่อนขึ้นไปไม่มีลาน มีแต่หญ้า เป็นที่โล่งมีหญ้ากระจาย เฉยๆ ฝั่งโน้นมีพวกสัตว์อยู่เต็มไปหมด มีไก่ และอีกมากมาย พี่น้อง กูทั้งนั้นแหละ มันว่ากูมาจากฝั่งไหน กูมาจากฝั่งโน้นตามมาตอน แรกกูไม่เห็นว่ามันมา

มีคนไปช่วยเต็มไปหมด แถวนี้! อ๋อ! อีนี่ก็ไป อีนี่ก็ไปด้วย ไอ้หนูนี่ก็ไป คนนี้ก็ไป

ตอนนั้นกูอยู่ที่เจดีย์สีฟ้าๆ เยอะไปหมด

วันนั้นที่เขาไปปลดปล่อยรู้สึก ไม่มีใครไปช่วยสักที กูตาย ในนั้นแหละ

มีคนไปบอกว่าคณะนี้เดี๋ยวมีคนมาปล่อย เขาบอกว่าเดี๋ยวมีคนมาช่วย เขามาช่วยหมดไม่ปล่อยให้อยู่อย่างนี้ พอรู้อย่างนั้น ดีใจขึ้นมานิดหนึ่ง

เรื่องลานธรรมพระศรีอาริย์ เขาสอนดี เงียบสงบ แต่คนที่ว่า ทำใจดีแล้วก็สวยแล้ว หน้าตาสวยแล้ว เขาสงบ บางคนก็จะ ได้ลงมาเกิดแล้ว เพราะบางคนเขาถามว่าจะบำเพ็ญหรือจะไป เกิดอีก บางคนบอกว่าจะมาหาลูกหลานก็ลงมาเกิด คนเราบาง ทีใจไม่สงบ ยังอยากเห็นลูกเห็นหลาน มันอยากลงมาเกิดก็ปล่อยมัน แต่กูไม่มาแล้ว

กูเหนื่อย เห็นเขาทำงานแล้วกูเหนื่อย เวลาทำงานกูก็เหนื่อย กูทำแต่งาน ถางแต่ป่า ตอนตายอายุ ๑๑๐ ปี ที่อายุยืนเพราะ กินหมาก กินพลู กินผักข้างรั้ว แกงเลียงมะละกอ กุ้งหอยปูปลา นานๆ ได้กินที ที่กินผักเพราะของชอบ นั่นแหละทำให้อายุยืน แต่หมากทิ้งไม่ได้นะ ที่มานี้จะกินหมากด้วย ขนมเพื่อนสั่ง เดี๋ยวมันก็มากินกัน

น้ำพริกมะขาม น้ำพริกแห้ง ขนมโค ขนมปลากริม ไม่ใช่ขนม น้ำเชื่อมนะ เห็นไหมที่เขาชอบน่ะ ขนมครกด้วย ลูกตะขบ ลูกข่อย ก็ชอบ ข่อยลูกเหลืองๆ ต้นข่อยน่ะ เข้าใจไหม?

อยากกินของแปลกๆ อีกแล้วกู ของใหม่ๆ หากินไม่ค่อย เป็น

เดี๋ยวเขาว่าจะมากินขนมครก มีเพื่อนมาก ลูกอมรสนม ท็อฟฟี่รสนมนั่นแหละ หรือลูกอมไข่จิ้งจก

ที่ไหนมีก็ขอให้ทำตามที่เขาสั่งด้วย เขาบอกว่าเขาจะมากิน ให้บอกไว้ก่อน

ลูกตะขบกูไม่รู้จัก ถ้าหมากสุกกูเอา

กินเรื่อยๆ ได้กินหมากสุกสักนิดก็ยังดี เหมือนลูกตาลสุกไง มาเข้าแถวกันยาวเป็น ๑๐ คน คนหนุ่มๆ บอกว่าใครจะมา ก็ให้จัด แถว คนหนุ่มสวยๆ นั่นไง เขาไปที่ประตู ไปสั่งคนสวยให้บอก คนสวยที่พูดเพราะๆ คนสวยบนโน้น เต็มไปหมด อย่ามองสิ

บนลานธรรมมีคนพูดให้ฟัง คนใหญ่ๆ โตๆ ขาวๆ สอนให้ ปรับจิตให้ดี ให้เป็นคนดี จิตจะได้ใส ท่านบอกว่าที่นี่เป็นที่ ปรับปรุงพื้นฐานให้เป็นคนดีอันดับหนึ่ง เพราะถ้าจะผ่านไปที่สูง ต้องปรับจิตตรงนี้ให้ดี ให้ใส ให้สวย ท่านบอกว่าพวกคุณคือบุตรของท่าน บอกอย่างนี้แหละ

มีน้องคุณทั้งนั้น มีบรรพชนและลูกหลาน พี่น้องคุณไม่รู้มี ไหม เห็นเขาเช็คชื่อหลายคน

กูมาก่อนเพื่อนยืนหัวแถวเขาให้จัดเอง ยืนเอง กูมายืนหลัง เพื่อน แต่วิ่งมายืนหน้าเพื่อน

คนขาวๆ เขาเตรียมพร้อมแล้ว พวกคุณระวังให้ดีนะ เขากระ โดดร่มมาเต็มท้องฟ้าไปหมด ลงมาพร้อมกันมืดฟ้ามัวดินไปหมด ระวังให้ดีนะ มากันเต็มโลกนี้แหละ

เขาขีดวงกลมเอาไว้แล้ว ที่สถานธรรมจัดเลี้ยง เห็นแล้วสวย มีโต๊ะกระยาสารท ในการลงมา เขามีการคัดเลือก คนที่จิตไม่สวยก็ไม่ได้ลงมา ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไม่ได้ลง

พี่น้องไม่ได้มา ก็ไม่ได้ลง น่าสงสารเขานะ ลูกหลานกูมา ไหมไม่รู้ แต่กูมาก่อน

ลงมาเหมือนฝนตก เตรียมถ่ายรูปไว้ด้วยนะ ลงมาสวยแหละ เต็มท้องฟ้าไปหมด

ผู้ที่จะได้มาเรียบร้อยกว่ามนุษย์ เข้าใจธรรมะ นั่งพับเพียบ เรียบร้อย นั่งสงบเสงี่ยม ไม่กระดุกกระดิก กลัวความผิด กระดุก กระดิกก็ไม่ได้ โดนทำโทษทันทีเหมือนกับถูกแทงด้วยเข็ม เพราะ ว่าไม่มีระเบียบ

เรื่องบนลานธรรมเขาสอนดี ให้เป็นคนดี ดีกว่ามนุษย์ กูพูดคำนี้อย่าเสียใจนะ

ตอนนี้กูยังอยู่ห้องโลภอยู่เลย กูโลภเพราะยังติดหมาก เขาสอนว่าจิตยังมีความโลภ ยังหนักไปไม่ได้ เขาสอนให้มอง เห็นเป็นสิ่งไม่มีค่า อย่าเห็นว่าเป็นของๆ เรา อย่ายึดติดกับวัตถุ ให้เห็นว่าว่างให้หมด

ก็ปล่อยให้ว่างให้หมด เขาสอนทุกวัน สอนทุกเรื่องไม่ว่า เรื่องอะไร เรื่องขี้โกรธก็อย่าให้มี เรื่องโกหกก็อย่าให้มี เรื่องเอาของ เพื่อนก็อย่าให้มี ที่เพื่อนไม่ให้ก็อย่าเอา สอนทั้งหมด สอนทุกเรื่อง ไม่เว้นเรื่องอะไร เขาสอนให้เป็นคนดี ให้ปล่อยวาง ถ้าปล่อยวาง ไม่ได้จะไปที่สูงได้ไง ต้องลงมาเกิดอีก หลังแข็งหมดแล้ว กระดุก กระดิกไม่ได้ก็ต้องทนให้ถึงที่สุด ถ้าไม่ทนเราก็ไม่ผ่าน ถ้าเราไม่ผ่าน ต้องมาเกิดอีก กูจะทำให้ได้ ถึงลำบากยังไงกูก็ไม่ลงมาแล้ว

เขาบอกว่าบำเพ็ญให้สูง เรียกว่าไม่ต้องลงมาเกิดอีก ขึ้นต่อ ไปเรื่อยๆ ถ้าอยากขึ้นที่สูงก็ต้องทำตัวให้ดี

วันหนึ่งวิญญาณเข้าไปข้างในตลอดเวลา พอวิญญาณเข้าไป มากเท่าไหร่ ห้องก็จะขยายกว้าง มันกว้างตามจำนวนที่ญาณเข้า เหมือนกันทุกห้องจะขยายออกไปอย่างนี้ เป็นอัตโนมัติ

ไม่ใช่นั่งตัวตรงแต่คุกเข่าอยู่ในห้องตลอดเวลา (แสดงท่าทาง ให้ดู) สำนึก นี่คือการสำนึก

เป็นยังไงก็ต้องทน ถ้าสำนึกเขาจะให้นั่งพับเพียบ บางครั้ง ก็ทำได้ บางครั้งได้นั่งพับเพียบ ถ้าทำไม่ได้ก็คุกเข่าเหมือนเดิม เหมือนกันหมด ถ้าคนไหนสำนึกก็ลุกขึ้น พอสำนึกก็คือจากพับ เพียบเสร็จสำนึกอีกก็ได้ยืน แล้วก็ไปต่อที่ห้องอื่นอีก

ไม่ใช่แถวแรกจะได้ลุกขึ้นไปก่อน ถ้าใครสำนึกได้ก็ออกไป พอจิตสำนึก มันก็จะเป็นของมันเอง ถ้าไม่สำนึกก็เหมือนเป็น กาว ติดลุกไม่ขึ้น มันหนัก ถ้าสำนึกมันเบาขึ้นเอง นั่นคือจิตญาณ น่ะลูก

การแต่งตัวที่นั้นเขาใส่ชุดสีขาว เสื้อแขนยาว มียาวๆ ความรู้สึกเหมือนผ้าถุงแม่ชี ที่เข้าไปในห้องนั้น ใส่เหมือนกัน มันเป็นธรรมชาติ เขาสร้างมาแล้ว

ครูอาจารย์ที่สอน ที่บรรยายเสียงเปลี่ยนเรื่อยๆ

พออาจารย์บรรยายมา ทั้งหมดเงียบที่สุด สงบที่สุด เพียบ พร้อมที่สุด ถ้าไม่เงียบโดนทำโทษทันที ไม่มีใครคุม มันทำกันเอง มันบอกไม่ถูก

มาเมื่อกี้ได้ยินเสียงเหมือนงานวัดสมัยก่อน

เห็นคนนั้นแหละโฆษณายืนบนเวที เหมือนตัวไอ้เท่ง ยืนบน ถังน้ำมัน มีถังน้ำมันรองเรียบร้อยแล้ว ถือไมโครโฟน คนตัวดำๆ นั่นแหละ

โฆษณาว่ามีงานใหญ่ประจำปีที่นี่ มาชุมนุมที่นี่มีงานใหญ่ ประจำปี เขาว่าอย่างนั้น เวทีมีถังตั้ง ๖ ถัง เวทีสวย อยู่เหมือน หนังตะลุง เขาไม่ใส่เสื้อ ยืนพุงยื่นเหมือนหมู อาวุธประจำตัวจะว่า เป็นกริชก็ไม่ใช่มันงอๆ งอเหมือน(แสดงท่าทางให้ดู)

ขอบคุณทุกคน ขอบคุณเบื้องบน ที่ให้มาให้ประจักษ์หลัก ฐาน ถ้าเขาไม่ขอกูก็ไม่ได้ลงมา ยังต้องคุกเข่าอยู่เลย ไม่รู้ได้ ลุกตอนไหน ขอบใจทุกคน ขอบใจที่ได้สร้างบุญไปให้ ถึงไม่ใช่ พี่น้องก็ขอบใจ ขอบใจที่ได้สร้างบุญให้บรรพชน กูปลื้มใจแทน ถ้า ไม่ได้มาวันนี้ก็ไม่ได้เห็นคนดีๆ แบบนี้ ทุกคนใจดี ที่กูขอมาทั้งหมด นี้อยู่บนโน้นกูขอไม่ได้ กูพูดไม่ได้ แต่มาอยู่กับแม่หนูคนนี้กูพูดได้ ขอบใจนะลูก คุณได้บำเพ็ญมีบารมีสูง ถ้าไม่มีคุณกูก็ไม่ได้ลงมา ถ้าคุณไม่บำเพ็ญ ไม่มีสถานที่แบบนี้ กูก็ไม่ได้ลงมา ถ้ากูมาก็ไม่รู้จะ อยู่ตรงไหน กูไม่มีที่ไป ถึงลงมาแล้วก็ไม่รู้ไปติดช่องไหน กูมาวันนี้กูได้มาชักชวนจิตวิญญาณทั้งหลาย ให้มารับบุญที่นี่ทั้งหมดทุกวัน ปลื้มอกปลื้มใจแทนลูกหลานที่ได้มาบำเพ็ญ ถึงจะไม่ใช่ลูกหลานก็ดีใจมีบุญกุศล เขาดีใจนะลูกที่ส่งบุญให้เขาทุกวันๆ เขาได้รับทุกวัน ถึงกูไม่ได้เป็นอะไรก็เหมือนลูกหลาน เขาสร้างบุญให้ทุกวันเลย

คนอื่นกูไม่รู้ แต่กูได้รับ ถ้าไม่มีพวกมึงกูก็ไม่ได้ลงมา ไม่มี สิทธิ์จะไปไหน พวกคุณใจดีมาก สร้างบุญให้พวกกู ขอบใจนะลูก ไม่รู้จะพูดคำไหนแล้ว ขอบใจ

กูตั้งใจต้องทำให้ได้ กูเห็นพวกคุณบำเพ็ญแล้วอยากบำเพ็ญเหมือนพวกคุณบ้าง จะทำให้ดีที่สุด จะต้องทำให้ได้ ต้องใช้เวลา เท่าไหร่ กูก็ต้องทำให้ได้นะลูก ทำเพื่อตัวเองและเพื่อบรรพชน ถ้าคุณไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย ถ้าคุณจิตตกเขาเดือดร้อน ต้อง ตั้งใจบำเพ็ญ เขาคอยคุณรู้ไหม พวกคุณใจดีจัง ใครจะใจดีเท่า พวกคุณไม่มี

ขอบใจนะลูก คุณมีบุญบารมีสูง ได้พบสิ่งดีๆ สมัยก่อน กูไม่ได้พบอะไร พบแต่พระเดินดิน ขอบใจนะลูก ทุกคนจิตใจดี ขอให้มีความสุขสดชื่นสมบูรณ์ ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ให้ช่วยเหลือ ลูกหลาน อย่าลืมบรรพชน อย่าลืมผู้มีพระคุณบุพการีนะลูกนะ ถึงเวลาที่กูต้องกลับแล้ว เขาไม่ให้รำพึงรำพันนาน เดี๋ยวจิตจะตก ให้นึกถึงปู่ย่าตายายคนเฒ่าคนแก่ กูดีใจที่กูได้มาที่นี่ ได้มาพบคนใจดีผู้มีบุญที่นี่
 
 



4 ภาคคือ
ภาคท่องนรก
ภาคท่องแดนมนุษย์
ภาคท่องแดนสวรรค์
ภาคท่องแดนศาสนาพระศรีอาริย์












Thailand Web Stat


Heute waren schon 9 Besucher (28 Hits) hier!
Diese Webseite wurde kostenlos mit Homepage-Baukasten.de erstellt. Willst du auch eine eigene Webseite?
Gratis anmelden